“แมกโนเลีย” เผย 5 เดือนยอดขาย 5,000 ล้านบาท วางเป้าครึ่งปีหลังขายเพิ่ม 4,000 ล้านบาท ดันยอดขายรวมทั้งปีแตะ 9,000 ล้านบาท แจงครึ่งปีหลังเปิดขายเพิ่ม 2 โครงการวิสซ์ดอมสุขุมวิท 101 และวิสซ์ดอม ท่าพระ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ด้าน“เซ็นจูรี่ 21” ชู 4 จุดเด่นขายโครงการบริกซ์คอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า “สถานีสิรินธร” ไม่ถึงเดือนยอดขายทะลุ 90% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท มั่นใจรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเปิดดำเนินการกลางปี 2560 ราคาคอนโดฯ พุ่งแตะ 1 แสนบาทต่อ ตร.ม.
นายถนอมศักดิ์ แก้วเขียว รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ MQDC บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มูลค่ารวม 2,700 ล้านบาท โดยเปิดให้ลูกค้า VIP จองซื้อในช่วงปลายปี 57 และเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 58 ที่ผ่านมา โดยสามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 80% คิดเป็นมูลค่าขาย 2,300-2,400 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 คือ โครงการวิสซ์ดอม สุขุมวิท มูลค่า2,800 ล้านบาท สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 50% หรือมียอดขายแล้ว 1,600 ล้านบาท
“5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการเดิมที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้รวมกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังคาดจะมียอดขายเข้ามาเสริมอีก 4,000 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้ยอดขายรวมกว่า 9,000 ล้านบาท”
โดยบริษัทมีแผนเปิด 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการวิสซ์ดอม ท่าพระ มูลค่า 2,500 ล้านบาท ห่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตลาดพลู 80 เมตร คาดราคาขายประมาณ 1 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) โดยเปิดขายไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนโครงการวิสซ์ดอม สุขุมวิท 101 ตัวเลขโครงการเบื้องต้น 2,000 ล้านบาทเศษ
สำหรับโครงการวิสซ์ดอมอเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นโครงการห้องชุด 1 อาคารสูง 27 ชั้น บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 3 ไร่ 42 ตารางวา ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า MRT สถานีรถลาดพร้าว มีจำนวนห้องชุดรวม 479 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4-23 ล้านบาท โดยห้องดูเพล็กซ์ จำนวน 21 ยูนิต ราคาประมาณ 76-77 ล้านบาท ได้ขายหมดแล้ว ส่วนห้องเพนต์เฮาส์ 14 ยูนิต ราคา 17-23 ล้านบาท ขายไปแล้ว 9 ยูนิต ทั้งนี้ ราคาขายห้องชุดในโครงการได้ขยับขึ้นจากราคาเปิดขายที่ 1.3 แสนบาทต่อ ตร.ม. มาเป็น 1.4 แสนบาทต่อ ตร.ม.หรือปรับขึ้นมา 5% แล้ว คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้
“เซ็นจูรี่ 21” ชู 4 จุดเด่นขาย “บริกซ์ คอนโดฯ”
นายศุภชัย แจ่มมโนวงศ์ กรรมการบริหารบริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงภาวะการซื้อขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.2558) ว่า โดยภาพรวมไม่ค่อยคึกนัก แต่จะมีเฉพาะในบางพื้นที่ หรือบางทำเลยังพบว่าตลาดยังมีกำลังซื้อ (ดีมานด์) เห็นได้จากยอดการขายห้องชุดในโครงการบริกซ์ (BRIX) รูปแบบคอนโดมิเนียม จรัญสนิทวงศ์ 64 สี่แยกบางพลัด (ซังฮี้) ซึ่งบริษัทเซ็นจูรี่ 21 รับบริหารงานขายให้แก่บริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด โดยสามารถสร้างยอดขายได้ 90% จากทั้งหมด 560 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าการขาย 1,500 ล้านบาท จากมูลค่ารวมโครงการ 1,700 ล้านบาท
โดยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และซื้อเพื่อการลงทุน โดยลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว มีเหตุผลหลักๆ ในการซื้อดังนี้ 1.ซื้อเพราะมองเห็นศักยภาพของทำเลที่ตั้ง 2.ซื้อเพราะชอบในการออกแบบดีไซน์ทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงฟังก์ชันการใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ 3.ในทำเลดังกล่าวนั้น ปัจจุบันซัปพลายคอนโดฯ ยังมีออกมาสู่ตลาดไม่มาก ในขณะที่ตลาดยังมีความต้องการ และ 4.ราคาขายจับต้องได้ไม่สูงจนเกินไป
“ทำเลย่านจรัญสนิทวงศ์ 64 มองว่ายังเป็นบลูโอเชียน และจากการสำรวจพบว่า ขณะนี้มีห้องชุดในตลาดมีประมาณ 3,000 ยูนิต แต่พร้อมขายในสต๊อกประมาณ 700 ยูนิตเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เปิดให้บริการประมาณกลางปี 2560 ราคาซื้อขายน่าจะปรับเพิ่มเป็น 1 แสนบาทต่อ ตร.ม.”