จับกระแสทอง มองโอกาสสัปดาห์หน้า

สวัสดีครับ ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดยปรับตัวขึ้นไปเหนือระดับ US$1,230 ได้แม้จะในระยะสั้นๆ แต่ก็ถือเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ และการอ่อนตัวก็ย่อตัวไม่หลุด US$1,200 ทำให้ยังมีสัญญาณเชิงบวก ปัจจัยที่กลับมาหนุนราคาทองคำยังเป็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากที่การเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC คณะกรรมการส่วนใหญ่เชื่อว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่เร็วเกินไปในเวลานี้ จากตัวเลขตลาดแรงงาน และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาด โดยย้ำถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจไตรมาสแรกจากสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ชัดเจนจึงคาดว่าน่าจะยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในเดือนมิถุนายน จึงถือเป็นแรงหนุนทองคำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีประเด็นยุโรปที่มีความเสี่ยงหนี้กรีซเป็นปัจจัยสำคัญ

สัปดาห์หน้าปัจจัยที่น่าจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำยังเป็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ตั้งแต่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ดัชนี PMI ภาคบริการ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงการรายงาน GDP ไตรมาส 1 ปรับประมาณการครั้งที่ 2 โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งในภาคการบริโภคอย่างยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วน GDP ไตรมาสแรกที่มีการรายงานอยู่ที่ระดับ 0.2% ซึ่งถือว่าต่ำมาก จากไตรมาส 4 ปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.2% การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลต่อการคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตที่อาจจะต้องเลื่อนออกไปเพื่อรอเศรษฐกิจฟื้นตัวในระดับที่มีเสถียรภาพ ส่วนประเด็นในยุโรปกรีซจะมีกำหนดชำระเงินอีกครั้งในวันที่ 5 มิถุนายนในสัปดาห์หน้าจึงถือเป็นช่วงระยะเวลาที่สำคัญที่จะต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งการช่วยเหลือทางการเงินในอนาคต

ในทางเทคนิค ราคาทองคำสามารถขึ้นยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่ US$1,200 ทำให้มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ US$ 1,220 ที่เส้น EMA 200 วัน และแนวต้านสำคัญที่ US$1,235 บวกกับ MACD ที่มีการปรับตัวขึ้นผ่านเส้น Signal ทำให้แนวโน้มเริ่มเปลี่ยนเป็นเชิงบวก แต่หากหลุดระดับแนวรับที่ US$1,200 ราคาทองคำมีโอกาสลงทดสอบแนวรับที่ US$1,185 ที่ Retracement 50% และแนวรับสำคัญที่ US$1,175 ที่ Retracement 61.8%

กมลธัญ พรไพศาลวิจิต
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ และผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด