เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส สบช่องตลาดสินเชื่อเปิด บริษัทย่อย “JMT Plus” เดินหน้าปล่อยสินเชื่อ 4 กลุ่มหลัก ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ นาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อเช่าซื้อ “ปิยะ พงษ์อัชฌา” หัวเรือใหญ่มั่นใจธุรกิจไปได้สวย เหตุดึงมืออาชีพเสริมทัพ ทั้งได้จุดแข็งจากฐานธุรกิจเดิมหนุน เชื่อผลงานจะโดดเด่นใน 3 ปีข้างหน้า ก่อนดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ขณะที่ “ทาเคฮารุ อุเอมัทซึ” ซีอีโอ ฟันธง ด้วยกลยุทธ์ดอกเบี้ยต่ำ และประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อที่ยาวนาน จะสนับสนุนให้บริษัทก้าวสู่ เป้าหมายสูงสุดได้อย่างแน่นอน
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดบริษัทย่อยที่ JMT ถือหุ้นอยู่ 100% ในชื่อบริษัท เจ เอ็ม ที พลัส จำกัด หรือ JMT Plus เพื่อรุกธุรกิจสินเชื่อ เนื่องจากพบว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการ เติบโตสูงในประเทศไทย ทั้งยังมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างมากจากการสนับสนุนด้านฐานธุรกิจเดิมของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะต่อยอดให้ JMT Plus ทำธุรกิจได้ง่าย และสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ ถือเป็นปีแห่งการลงทุนของ JMT Plus และปีที่ 3 เป็นต้นไป จะเป็นปีที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งประเมินว่าเมื่อถึงเวลานั้นผลการดำเนินงานของ JMT Plus จะทำกำไรสูงในระดับ 15% ของกำไรรวมของ JMT และบริษัทฯ อาจพิจารณานำ JMT Plus เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นลำดับต่อไป
“JMT Plus จะเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งจากฐานธุรกิจเดิมของ JMART ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่าย โทรศัพท์มือถือ และธุรกิจติดตามหนี้สิน หรือซื้อหนี้ในนาม JMT ที่สามารถต่อยอดให้ธุรกิจการ ปล่อยสินเชื่อของ JMT Plus โตอย่างรวดเร็ว และยั่งยืน ซึ่งหลังจากการลงทุน 1-2 ปีผ่านไป ปีที่ 3 จะเป็นปีที่เห็นผลงานงอกเงยเติบโตอย่างชัดเจน และเราอาจพิจารณานำ JMT Plus เข้าตลาดหุ้นในลำดับต่อไป” นายปิยะ กล่าว
นายทาเคฮารุ อุเอมัทซึ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที พลัส จำกัด เปิดเผยว่า JMT Plus วางแผนให้บริการสินเชื่อ 4 กลุ่ม หลัก ได้แก่ 1.สินเชื่อส่วนบุคคล 2.สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 3.นาโน ไฟแนนซ์ (Nano Finance) และ 4.สินเชื่อเช่าซื้อ
โดยกลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้ คือ กลยุทธ์ด้านดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งทาง JMT Plus ยืนยันว่าลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าผู้ให้สินเชื่อรายอื่นๆ เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต ที่คิดดอกเบี้ยลูกค้าในอัตรา 20% และในปีแรกนี้วางเป้าหมายว่าสินเชื่อส่วนบุคคลจะเป็นกลุ่มหลักที่เติบโตสูงสุด โดยคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อกลุ่มนี้ในวงเงินรวมประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จะโดดเด่นในปี 2559 เนื่องจากรถยนต์มือสองราคาถูกจะออกสู่ตลาดมาก ขึ้น
“จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดสินเชื่อมา 25 ปี กับบริษัทยักษ์ ใหญ่ และทำงานทั้งในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ผมจะนำมาพัฒนาและสร้าง JMT Plus ให้ก้าวสู่เป้าหมายสูงสุดได้อย่างแน่นอน เรามีกลยุทธ์เสนอดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าคู่แข่ง และเน้นการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเก่าที่มีประวัติที่ดีจาก JMART และลูกค้าใหม่ที่เราจะตรวจสอบประวัติด้านการเงินอย่างเข้มข้น” นายทาเคฮารุ กล่าว