ตลท. มั่นใจผลประกอบการ บจ.ไตรมาสแรกปี 58 ทะลุ 2 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 57 ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน ส่วนภาพรวมการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ณ เดือน เม.ย. อยู่ที่ 42,442 ล้านบาท ขณะที่มาร์เกตแคปโดยรวมของตลาดอยู่ที่ 14.73 ล้านล้านบาท
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ไตรมาส 1 ปี 2558 และเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1 ปี 2558 ล่าสุด มี บจ. รายงานผลประกอบการมาที่ ตลท.แล้ว 306 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 77 ของจำนวน บจ.ทั้งหมด
โดย บจ.ที่รายงานผลมามีกำไรรวม 199,000 ล้านบาท เชื่อว่าเมื่อมีการรายงานครบทั้งหมดผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 1 น่าจะมีกำไรสุทธิมากกว่า 200,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2557 ที่ผลประกอบการ บจ.ในภาพรวมได้รับผลกระทบจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 อย่างมาก รวมทั้งผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานค่อนข้างจะมีน้ำหนักค่อนข้างมากต่อรายได้โดยรวมของ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 1 ยังอยู่ในภาวะที่มีการเติบโตไม่ได้ย่ำแย่เหมือนการคาดการณ์ ปัจจัยบวกนอกจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานแล้ว ยังมีอานิสงส์จากผลประกอบการ บจ.ด้านการขนส่งและการท่องเที่ยวที่ขยายตัว รวมทั้ง บจ.ด้านการส่งออกสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีทิศทางปรับตัวดีขั้นในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เดือนเมษายน 2558 ดัชนีอยู่ที่ 1,526.74 จุด ปรับขึ้นร้อยละ 1.4 จากสิ้นเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากสิ้นปี 2557 โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 42,442 ล้านบาท ขณะที่มาร์เกตแคปโดยรวมของตลาดอยู่ที่ 14.73 ล้านล้านบาท โดยระหว่างเดือนมีเหตุการณ์สำคัญในตลาดการเงิน ทั้งการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. รวมถึงสถานการณ์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ด้วยมูลค่า 210 ล้านบาท ถือเป็นการได้รับอานิสงส์จากมาตรการคิวอีของธนาคารกลางสหภาพยุโรปและการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกของไทย ต้นเดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา