xs
xsm
sm
md
lg

MFC ชี้หุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุน ปรับเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1,631 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.เอ็มเอฟซีเผยหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกหนุน เศรษฐกิจยังรอเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐ พร้อมปรับเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1,631 จุด จากเดิมมองไว้ระดับใกล้ 1,700 จุด

นางพัณณรัชต์ บรรพโต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซีได้ปรับลดเป้าหมายดัชนีในสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 1,631 จุด จากเดิมมองไว้ระดับใกล้ 1,700 จุด หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในช่วง 2 เดือนแรกติดลบมาต่อเนื่อง จึงปรับลดเป้าหมายดัชนีลงมาในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก่อนที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของธนาคารพาณิชย์จะออกมา

“ธนาคารพาณิชย์บางแห่งออกมามีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น สะท้อนภาคเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นอย่างที่คาด ซึ่งที่ผ่านมาเอ็มเอฟซีก็ได้ปรับลดเป้าจีดีพีปีนี้ลงจากเดิมมองไว้ที่ 3.71% เหลือ 3.4% และมีแนวโน้มอาจปรับลดลงได้อีก หากเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานออกมาล่าช้ามีโอกาสที่จีดีพีอาจต่ำกว่า 3%”นางพัณณรัชต์กล่าว

สำหรับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้คาดว่าเติบโตประมาณ 15-19% จากฐานในปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ระดับต่ำ และคงยังไม่ปรับเป้าหมายลง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงานซึ่งช่วยพยุงกำไรโดยรวมของตลาด โดยกลุ่มหุ้นที่มองว่าน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนรอปัจจัยในประเทศมีความชัดเจนขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุนไปต่างประเทศบ้าง โดยตลาดหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว

สำหรับตลาดหุ้นจีน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมาแต่ยังมีสัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) ถูกกว่าตลาดหุ้นเอเชีย และเชื่อว่าจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายต่างๆ เช่น การลดเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ การปรับลดดอกเบี้ย ทำให้สภาพคล่องเพิ่มขึ้น จึงมองว่าหุ้นจีนยังมีอัปไซด์อยู่ โดยบริษัทชอบตลาด A-Share มากกว่า H-Share ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้รับผลดีจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ซึ่งตลาดคาดว่าจะออกมาอีกรอบในเดือน ต.ค.นี้ จึงเป็นแรงส่งให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นขึ้นได้ต่อ

นางพัณณรัชต์ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ของ บลจ.เอ็มเอฟซีจะออกเป็นทริกเกอร์ฟันด์ เนื่องจากนักลงทุนชอบเล่นเป็นรอบและต้องการเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจน แต่ในปีนี้บริษัทมีแผนจะออกกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นรายประเทศมากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนตามจังหวะและสถานการณ์ในแต่ละช่วง

นอกจากนี้ มองว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเลื่อนระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปี 2559 เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว หากขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ประมาณเดือน ก.ย.นี้อาจทำให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าและกระทบบริษัทในตลาดหุ้นได้


กำลังโหลดความคิดเห็น