เคทีซี ยังสดใสกำไรไตรมาสแรก 574 ล้าน เพิ่ม 62% จากพอร์ตลูกหนี้และฐานสมาชิกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 11% ด้าน NPL อยู่ที่ 2.4% พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเน้นรุกภูมิภาค
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTC)เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคยังคงเติบโตดี แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ในช่วง 9 เดือนข้างหน้า บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่า แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะขยับตัวจากมาตรการที่ภาครัฐ และเอกชนได้ช่วยกันขับเคลื่อน
ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรก เคทีซีมีปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขยายตัวในอัตราเร่งที่ 11% สูงกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีอยู่ 8% โดยมีรายได้รวม 3,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปี 2557 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 28.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 27.3% ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%
บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 52,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 2.5 ล้านบัญชี เติบโต 11% แบ่งเป็น บัตรเครดิต 1,846,787 บัตร (ขยายตัว 13%) ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 33,373 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 702,081 บัญชี (ขยายตัว 8%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 15,042 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) อยู่ที่ 2.4% โดย NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.6% จาก 2.2% และ NPL สินเชื่อบุคคลเหลือเพียง 1.1% จาก 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่หนี้สูญได้รับคืนในไตรมาสแรกมีมูลค่าเท่ากับ 479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายการสร้างรายได้ และกำไรเติบโตประมาณ 10-15% โดยมีแผนต่อเนื่องในการขยายธุรกิจไปต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มสัดส่วนฐานสมาชิกบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลในต่างจังหวัดให้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เน้นกิจกรรมการตลาดในทุกหมวด เพื่อมุ่งหมายให้เคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย สร้างรายได้เพิ่มผ่านกิจกรรมการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการเสริม เช่น การนำเสนอแผนประกันรูปแบบต่างๆ การนำเสนอสินค้าผ่านแค็ตตาล็อก และทางอินเทอร์เน็ต บริการ U Shop V Deliver การรุกตลาดสินเชื่อพร้อมใช้ “KTC PROUD” โดยใช้คะแนนสะสมแลกอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พัฒนาบริการออนไลน์เสริมธุรกิจหลัก สร้างฐานสมาชิกใหม่จากช่องทางการจัดหาสมาชิกที่หลากหลาย
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นการควบคุมคุณภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยได้จัดจ้างบริษัทภายนอก (Outsource) ในงานติดตามหนี้ และเรียกเก็บหนี้แทนบริษัทตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อปรับการปฏิบัติงานให้สอดคล้องตามแนวทางปฏิบัติในการติดตามทวงถามหนี้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 โดยบริษัทภายนอกจะต้องดำเนินการติดตาม และเรียกเก็บหนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด