ธปท. ประกาศมาตรการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อช่วยเปิดทางให้นักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศสะดวกมากขึ้น และช่วยให้เงินบาทอ่อนค่า โดยออกเป็นแพกเกจ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยขยายวงเงินให้ผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ สามารถกู้ยืมเงินบาทจากสถาบันการเงิน โดยไม่มีการค้าการลงทุนในประเทศไทยได้
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.ประกาศมาตรการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศเพิ่ม เพื่อช่วยนักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศสะดวกมากขึ้น เพราะเมื่อนักลงทุนไทยซื้อดอลลาร์สหรัฐ และไปลงทุนต่างประเทศก็จะมีผลต่อค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนการส่งออกของไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างการผลิตของภาคเอกชนให้มีเทคโนโลยีผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาดโลก แต่ย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของการออกมาตรการ คือ การพัฒนาให้ตลาดเงินมีความสมบูรณ์ ซึ่งแผนดังกล่าวดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2555
สำหรับแพกเกจดังกล่าว ธปท.ขยายวงเงินให้บุคคลในประเทศซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อฝากกับสถาบันการเงินในประเทศได้ โดยมียอดคงค้างไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขยายวงเงินให้บุคคลในประเทศโอนเงินออกเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศได้ไม่เกินปีละ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน ธปท.จึงอนุญาตให้บุคคลในประเทศสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านธนาคารพาณิชย์ได้ และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนมากขึ้น จึงอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถเป็นนายหน้าซื้อขายเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศได้ด้วย
นอกจากนี้ ธปท.ยังเตรียมมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยขยายวงเงินให้ผู้ที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศสามารถกู้ยืมเงินบาทจากสถาบันการเงิน โดยไม่มีการค้าการลงทุนในประเทศไทยได้ไม่เกิน 600 ล้านบาท จากเดิมกำหนดไว้ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และอนุญาตให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศกู้เงินบาทได้ เพื่อลงทุนในประเทศไทย ยกเว้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการรองรับการขยายการลงทุนระหว่างประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านที่จะมีเพิ่มขึ้น
ด้านนักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.88-32.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อจากช่วงเย็นวานนี้ (29 เม.ย.) ที่ปิดตลาดระดับ 32.79-32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากเมื่อวาน หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เป็นการปรับลดต่อเนื่องติดต่อกัน 2 ครั้ง และคาดว่าเงินบาทวันนี้จะอ่อนค่าลงมาที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ