xs
xsm
sm
md
lg

“CK” เดินหน้าประมูลงานรัฐเพิ่ม เน้นโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน คาดได้งานไม่น้อยกว่า 20-25%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ - “ช.การช่าง” เผยเตรียมลุยงานโครงสร้างพื้นของรัฐทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจได้งานไม่น้อยกว่า 20-25% ฟุ้งงานในมือกว่า 93,583 ล้านบาท แย้มการร่วมทุนกับ TTW ทำโรงผลิตน้ำประปาในพม่า คาดได้ข้อสรุปปีนี้ ชูกลยุทธ์ควบรวมกิจการช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัท

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง หรือ CK กล่าวในงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2558 ว่า บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนในปีนี้โดยจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน คือ ในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศนั้นจะเน้นการเข้าลงทุนงานภาครัฐในนโยบายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู รถไฟทางคู่ และโครงการมอเตอร์เวย์ ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทฯ จะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างในโครงการดังกล่าวไม่น้อยกว่า 20-25% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐแบบ PPP ได้แก่ ระบบทางด่วน รถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า และน้ำประปา โดยได้ให้บริษัทฯ ในเครือของกลุ่ม CK เป็นผู้ร่วมการดำเนินการ เช่น  BECL, BMCL, TTW และ CKP เป็นต้น ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถเปิดสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเพื่อให้บริการแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด

ขณะที่ในส่วนของงานในต่างประเทศนั้น โดยเฉพาะในส่วนของประเทศพม่า และลาวที่บริษัทเข้าไปลงทุนในส่วนของระบบสาธารณูปโภค ซึ่งได้ร่วมกันกับ บมจ.ทีทีดับบลิว หรือ TTW ในการก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการ และงบประมาณที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปความทราบความชัดเจนได้ภายในปีนี้

ในส่วนของผลประกอบการงวดปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 32,858 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิ จำนวน 2,296 ล้านบาท และมูลค่างานในมือ หรือ Backlog อีกกว่า 93,583 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างมากมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ รายได้ และกำไรจากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากงานในปัจจุบันที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 9.26% ส่วนหนึ่งจากการที่บริษัทฯ เลือกพิจารณารับงานที่มีความเสี่ยงน้อย และบริหารต้นทุนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยได้แก่ บริษัทฯ ได้กระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ ด้วยการเข้าไปลงทุนยังบริษัทอื่นในเครือ เช่น BECL, TTW, CKP ซึ่งมีผลตอบแทนเป็นกำไรกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งทำให้มติที่ประชุมของบริษัทฯ ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลเท่ากับอัตรา 0.35 บาท/หุ้น เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาล 0.20 บาท/หุ้น ทำให้ปีนี้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 0.55 บาท/หุ้น

“ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญต่อบริษัทอย่างมาก เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างการลงทุนครั้งใหญ่โดยการควบรวมธุรกิจระหว่างกัน ได้แก่ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ หรือ BECL และ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BMCL ขณะที่ในส่วนของการดำเนินธุรกิจต่างประเทศนั้น บริษัทไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด หรือ XPCL ของประเทศลาว ได้ขายหุ้นให้แก่ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP ซึ่งถือจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจของ CK มีการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน”
กำลังโหลดความคิดเห็น