บล.เอเชีย เวลท์ คาด กนง. ยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 29 เมษายนนี้ เพื่อรอผลการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐ พร้อมแนะนำ PTTGC ราคาเป้าหมายที่ 71.60 บาท
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า เราประเมินว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายนนี้ จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะเชื่อว่าคณะกรรมการฯ น่าจะยังคงรอดูผลของนโยบายทางการคลัง โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ ที่คาดว่าจะเริ่มมีการลงทุนอย่างเต็มที่ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ กนง. บางท่านที่เป็นคนรุ่นใหม่ และมี Business mind อาจมีความเห็นที่แตกต่างด้วยการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าคณะกรรมการฯ อาจมีมติไม่เป็นเอกฉันท์
“สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,543-1,569 จุด เนื่องจากมีปัจจัยการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เราคาดว่าน่าจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการประชุมคณะกรรมการ กนง. อีกทั้งช่วงสัปดาห์หน้า จะเป็นช่วงวันหยุดยาว 5 วัน ดังนั้น สำหรับคำแนะนำการลงทุน หากเป็นนักลงทุนระยะยาวที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีในการลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลดี เช่น INTUCH หรือ BTS และ/หรือหุ้นที่มีเรื่องราวดีอย่างชัดเจน เช่น หุ้น WORK หรือ PTTGC แต่สำหรับผู้ที่เล่นระยะสั้นแบบเทรดรายวันก็คงต้องระมัดระวัง ถ้าเห็นได้กำไรก็ให้เทรดออกก่อนจะติดวันหยุดยาว” คุณวรุตม์ กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea ของ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำลงทุนในหุ้น PTTGC ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดย PTTGC มี 3 ธุรกิจใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ และสายโอเลฟินส์ ทั้งนี้ ในช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และอะโรเมติกส์ ที่ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบหลัก ที่ทำกำไรรวมกันประมาณ 40% ของกำไรทั้งหมด ถูกกดดันจากภาวะราคาน้ำมันโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจเกิดการขาดทุนจากการสต๊อกน้ำมันที่ซื้อล่วงหน้าในราคาที่สูง และพาราไซลีนล้นตลาด ประกอบกับธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ ของ PTTGC ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันที่ใช้น้ำมันเป็นหลักซึ่งต้นทุนต่ำกว่าเนื่องจากราคาน้ำมันตกต่ำ ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติไม่ได้ลดลงด้วย แต่ในปีนี้ ราคาน้ำมันได้พ้นจุดต่ำสุดแล้ว ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์กลับมามีกำไร ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์เอง ก็ลดความเสียเปรียบด้านต้นทุนราคาวัตถุดิบกับคู่แข่งลง ซึ่งเราคาดว่าในปีนี้ และปีหน้า PTTGC จะกลับมาทำกำไร (Turnaround) ได้อย่างมาก โดยคาดว่าในปี 2558 นี้ PTTGC จะมีกำไรสุทธิกว่า 3.0 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 2557 ที่อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท และในปี 2559 คาดว่าจะมีกำไรที่ 3.4 หมื่นล้านบาท
“PTTGC มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรจากปี 2557 สูงถึง 87% และยังมีมูลค่า P/E ที่ต่ำอยู่ที่เพียง 9 เท่า ดังนั้น เรามองว่าราคา PTTGC ในระดับนี้ยัง undervalued อยู่มาก นอกจากนี้ PTTGC ยังมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend yield) ที่ระดับสูงที่ 4.8% จึงมองว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุน โดยเราให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 71.60 บาท หรือมี upside ทีประมาณ 15%” นายวรุตม์ กล่าว