นายกสมาคมอาคารชุดไทย เชื่อปี 58 ตลาดคอนโดฯ ยังโตได้ 5% หลังพบไตรมาสแรกเปิดตัวใหม่ 22,925 ยูนิต โต 3% มูลค่าเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ตลาดชลบุรี-ภูเก็ต เริ่มฟื้นตัว คาดยอดโอนคอนโดฯ ปีนี้ทะลุ 1.9 แสนล้าน จากแบ็กล็อกเมื่อปี 55-56
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ 22,925 ยูนิต เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2557 คิดเป็นมูลค่ารวม 79,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการขายมียอดขายแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 39,904 ล้านบาท ประเมินว่าไตรมาสที่ 2 นี้ การเปิดโครงการใหม่จะยังขยายตัว มีมูลค่าโครงการเปิดตัวใหม่ 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าการเปิดใหม่โครงการใหม่จะทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่าโครงการเปิดใหม่ 3-3.15 แสนล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อน
ส่วนตลาดต่างจังหวัดภาพรวมยังชะลอตัว แต่เริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นของตลาดชลบุรี และภูเก็ต เนื่องจากเป็นหัวเมืองที่มีทั้งภาคการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม มีแหล่งงาน ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัย ส่วนเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากซัปพลายสะสมเหลือขายอยู่จำนวนมาก และได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ปีนี้จะเป็นปีที่มีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมรวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเปิดขายเมื่อช่วงปี 2555-2556 โดยส่วนของบริษัทมีคอนโดมิเนียมที่จะต้องโอนในปีนี้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรเร่งการโอนให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาผู้รับเหมาเพื่อให้เร่งการก่อสร้างได้หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มียอดขายที่รอรับรู้รายได้(แบ็กล็อก) จำนวนมากเพื่อป้องกันความเสี่ยง
“ปัจจัยที่อาจจะมากระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ คือ สถานการณ์ทางการเมือง โดยช่วงปลายปียังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง หรือจะเลื่อนออกไปก่อน หากโอนได้เร็วก็จะได้เงินทุนกลับมาไว้ในมือ รองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ถ้าตลาดดีอาจจะลงทุนต่อ แต่ถ้าตลาดไม่ดีอาจจะปรับแผน หรือชะลอการลงทุนได้” นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาสที่ 2/2558 จะพบว่า ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการตลาดระดับกลางมากขึ้นจากช่วงไตรมาสแรก ส่วนใหญ่จะนำแลนด์แบงก์เก่ามาพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ เช่น การเปิดโครงการของค่ายศุภาลัยย่านแจ้งวัฒนะ ค่ายแอลพีเอ็น ย่านนครอินทร์ และค่ายพฤกษา เตรียมเปิดโครงการใหม่ย่านบางซ่อน ถ.กรุงเทพฯ-นนท์ มูลค่าโครงการกว่า 3-4 พันล้านบาท ในเดือนมิถุนายน
“มองว่าตลาดไฮเอนด์จะเริ่มซาลงไปทั้งในแง่ซัปพลาย เพราะแลนด์แบงก์เดิมที่นำมาเปิดโครงการไฮเอนด์เริ่มหมดแล้ว รวมถึงดีมานด์ เพราะกลุ่มลูกค้ามีจำกัด การพัฒนาโครงการผู้ประกอบการต้องซื้อที่ดินใหม่ ซึ่งราคาที่ดินปัจจุบันปรับขึ้นไปสูงมาก ล่าสุด มีการเสนอขายที่ดินสุขุมวิทตอนต้น ราคา 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา” นายประเสริฐกล่าว