บล.ไทยพาณิชย์ คงเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,800 จุด ตามประมาณการเดิม ชี้ความมั่นใจของนักลงทุนจะกลับมาปลายไตรมาส 2/2558 โดยมี 2 ปัจจัยหลักสนับสนุน เชื่อความชัดเจนทางการเมืองจะกระตุ้นให้ตลาดปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้
นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงถึงร้อยละ 6.4 จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เกิดจากผลประกอบการที่อ่อนแอของไตรมาส 4/2557 ซึ่งเป็นการมองย้อนหลังไปในอดีต และลงลึกมากเกินไป โดยความกังวลที่นักลงทุนมีต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าประมาณปลายไตรมาส 2 หรือในช่วงครึ่งหลังของปี 2558
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดี และยังคงมุมมองระยะยาวสำหรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปลายปีนี้ไว้ที่ 1,800 จุด โดยมีปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนคือ 1.เงินทุนไหลเข้าที่เกิดจากการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงิน (QE) ทั้งในยุโรป และญี่ปุ่น 2.ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากภาคธุรกิจกลับมาจัดเก็บสต๊อกสินค้าคงคลังเพิ่ม จากที่ลดลงในระดับผิดปกติ การเบิกจ่ายงบประมาณการคลัง และการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคด้วยราคาน้ำมันที่ลดลง
ขณะเดียวกัน ก็มีแนวโน้มว่า รัฐบาลจะประกาศกรอบเวลาการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้จริงในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 โดยความชัดเจนทางการเมืองจะกระตุ้นให้ตลาดปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้
สำหรับหุ้นดาวเด่นที่แนะนำ ได้แก่ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และราคาน้ำมันลดลงมาก บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) มียอดขายแข็งแกร่งและได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลง บมจ.ไดนาสตี้ เซรารมิค (DCC) ต้นทุนการผลิตลดลงตามราคาพลังงาน บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) สินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) แนวโน้มสินเชื่อน่าจะเติบโตสูงกว่ากลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่องในปี 2558-2559 บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ธุรกิจอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นและยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ส่วนแบ่งตลาดรายได้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะ 3 ปีข้างหน้า
