ผู้ว่าการ ธปท. ขอให้เอกชนช่วยรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาใบเหลืองสินค้าประมง พร้อมฝากวอนอียูให้พิจารณาความตั้งใจของประเทศไทยด้วย ยอมรับว่าในช่วง 2-3 วันนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น เพราเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากปัจจัยที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดี ขณะที่เงินสกุลภูมิภาคอ่อนค่าจากปัจจัยเฉพาะในประเทศ เตรียมนำเข้าหารือในที่ประชุม กนง. ครั้งต่อไป ส่วนเอ็นพีแอลที่เพิ่มสูงขึ้นยังไม่น่ากังวล
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่สภาพยุโรป หรืออียู ประกาศให้ใบเหลืองประเทศไทย และให้เวลา 6 เดือน แก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในสินค้าประมง หากไม่คืบหน้าจะแบนการนำเข้าสินค้าประมงของไทย โดยระบุว่า พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้กำชับไปยังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน หรือ กกร. ให้เอกชนช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่ โดยอยากให้อียูมองที่ความตั้งใจของประเทศไทยที่มุ่งมั่นจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาพิจารณาด้วย เพราะไม่เช่นนั้นคงจะเสียกำลังใจได้
ส่วนผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยนั้น นายประสาร กล่าวว่า ขณะนี้การส่งออกของไทยโตได้น้อย ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงจึงทำให้การส่งออกไปยังจีนลดน้อยลง และที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปจีนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลกระทบค่อนข้างมาก
ผู้ว่าฯ ธปท.ยังกล่าวถึงจีดีพีไตรมาส 1 ปี 2558 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ประมาณการว่า จะขยายตัวร้อยละ 3 นั้น หากเทียบกับปีก่อนอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 3 ถือเป็นการขยายตัวที่ใช้ได้ เนื่องจากไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีปัญหาเรื่องการเมือง ทำให้จีดีพีโตต่ำ แต่หากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2557 ที่เศรษฐกิจขยายตัวค่อนข้างสูง เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้ยังคงหดตัวลงเล็กน้อย ซึ่งทำให้มองเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าต้องมีความระมัดระวังอยู่ แต่ในไตรมาส 2 และ 3 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น ซึ่งประเด็นนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการหารือตัดสินใจนโยบายการเงิน วันที่ 29 เมษายน 2558 นี้
ส่วนกรณีที่เอกชนมีความเป็นห่วงเรื่องเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันด้านการส่งออกนั้น ยอมรับว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากปัจจัยที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดี ขณะที่เงินสกุลภูมิภาคอ่อนค่าจากปัจจัยเฉพาะในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ ธปท.ดูแลอยู่ และจะนำมาพิจารณาในการประชุม กนง.ด้วยเช่นกัน
ผู้ว่าฯ ธปท. ยังกล่าวถึงการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2558 ของธนาคารพาณิชย์ที่พบว่ามีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้นว่า ไม่น่ากังวล เพราะธนาคารพาณิชย์ยังสามารถจัดการดูแลได้ และที่ผ่านมา ในช่วงที่ธนาคารพาณิชย์มีกำไรได้กันสำรองในระดับสูงอยู่แล้ว นอกจากนั้น จากการพิจารณาเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้อยู่ระดับสูงเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสม
