“วายแอลจี” คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังกดดันราคาทองคำ แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนยัง
ช่วยผลักดัน ประเมินกลยุทธ์ยังมองไปที่การเก็งกำไรระยะสั้น แนะควรติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทประกอบ
การตัดสินใจลงทุน
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงแนวโน้มทิศทางราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาว่า ราคทาทองคำกลับมาถูกกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่่ออกมาส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตัวเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดูจากท่าทีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประเด็นดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง
“ไตรมาส 1/58 ราคาทองคำลดลง 0.06% และถือเป็นการปรับตัวลดลงของราคา 3 ไตรมาสติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงสนับสนุนราคามาจากการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางจีน ทำให้เมื่อราคาดีดตัวขึ้นก็จะเป็นไปอย่างค่อนข้างจำกัด”
ปัจจัยที่ต้องติดตาม ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างาน ซึ่งอาจจะใช้ดูสัญญาณเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมไปถึงดัชนี CPI ของจีน ซึ่งจะช่วยบอกว่า ทิศทางเศรษฐกิจของจีนจะมีทิศทางอย่างไร หลังธนาคารกลางจีนกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
ทำให้กลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ประเมินว่าราคายังเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ และแนวต้านคือ จุดสูงสุดที่ผ่านมา 1,220 เหรียญ/ออนซ์ หากทะลุกรอบด้านล่างจะดิ่งไปในขาลงต่อโดยมีแนวรับที่ 1,150 เหรียญ/ออนซ์ และหากทะลุขึ้นไปแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 1,250 เหรียญ/ออนซ์
“หากราคาเคลื่อนไหวในกรอบระยะสั้น กลยุทธ์คือ การเก็งกำไรราคาทองคำในกรอบ และอาจพิจารณาเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมาประกอบการลงทุน หลังจากช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทมีการแข็งค่ามากสุดในรอบ 1 เดือน”