เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่สดใส และความไม่ชัดเจนต่อการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผลักดันราคาทองคำปรับตัวขึ้น “วายแอลจี” แนะติดตามท่าทีประธานเฟดสาขา และการยื่นแผนของเงินช่วยเหลิอเพิ่มของกรีซ หากออกมาแย่ราคามีโอกาสเพิ่มขึ้นไปต่อ มองแนวต้านสำคัญ 1,220 เหรียญ/ออนซ์
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินแนวโน้มราคาทองคำว่า ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ โดยมีลักษณะแกว่งตัว Side way ออกด้านข้าง เพราะยังได้รับปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจนเข้ามาผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้น และเมื่อราคาอ่อนตัวลง ยังได้รับแรงผลักดันจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่สดใดมาช่วยพยุงไม่ให้ลดลงไปมากนัก
“แม้ปรับตัวขึ้น แต่ภาพรวมยังปรับตัวขึ้นไม่มากนัก แนะนำให้นักลงทุนจับตาการเคลื่อนไหวของประธานเฟดในแต่ละรัฐ ต่อการออกมาแสดงมุมมอง หรือทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประกอบการตัดสินใจ รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ”
อีกทั้งต้องจับตาสถานการณ์กรีซ ที่กำลังยื่นเสนอแผนขออนุมัติเงินช่วยเหลือจากกลุ่มเจ้าหนี้ โดยหากกรีซยังไม่ได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 24 เม.ย. กรีซอาจขาดสภาพคล่อง และจำเป็นต้องออกจากกลุ่มยูโรโซนไป ประเด็นดังกล่าวถือเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำผลักตัวขึ้น และช่วยทำให้นักลงทุนเข้าเสี่ยงซื้อทองคำเมื่อราคามีการย่อตัวลงมา
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศ คือ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งหากยังคงอ่อนแอจะทำให้นักลงทุนไม่เชื่อว่าว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวได้จริง และกลายเป็นปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ
“เนื่องจากราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ Side Way นักลงทุนอาจต้องเก็งกำไรในกรอบแบบลักษณะเก็งกำไรระยะสั้น โดยรอการอ่อนตัวลงมาของราคาทองคำ โดยมีแนวรับ 1,185-1,180 เหรียญ/ออนซ์ ในการเข้าซื้อเก็งกำไรรับการดีดตัวขึ้น ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้อาจมีการแบ่งทองคำที่ถืออยู่ออกขายเพื่อลดความเสี่ยง และรอการย่อตัวของราคา และหากราคาหุ้นแนวรับ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ ลงมา มองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับฐานลงต่อ โดยมีโซนแนวรับที่ 1,160 เหรียญ/ออนซ์ เป็นแนวรับถัดไป แต่หากผ่านแนวต้านด้านบนไปได้ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,260 เหรียญ/ออนซ์”