บล.บัวหลวง ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีนี้เพิ่มขึ้น 0.2% จากปัจจุบันที่ 4.96% ปรับเป้า SET INDEX ปีนี้แตะ 1,670 จุด บนฐาน GDP ที่คาดเหลือเพียง 3.7% วอลุ่มซื้อขายหดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท แนะนักลงทุนเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจหลัก เน้นกลุ่มประกันชีวิต สื่อสาร และพลังงาน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS ประเมินภาพรวมการลงทุนปี 2558 ว่า จะยังอยู่ในช่วงของความผันผวนจาก 2 ปัจจัยหลัก ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารสหรัฐอเมริกา หรือ FED ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ภายในประเทศยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็ม อีกทั้งยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองแม้ว่าจะสงบลงอยู่ในระดับเกือบปกติแล้ว แต่ยังอยู่ในรัฐบาลรักษาการชั่วคราว ภายใต้กฎอัยการศึก รวมถึงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษขึ้นมาควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ทั้งปี 58 จะอยู่ที่ 3.7%
อย่างไรก็ตาม BLS ยังคงประเมินเป้าดัชนี SET INDEX ปี 2558 ว่าจะอยู่ที่ 1,670 จุด โดยมีวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท และลดลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีรายได้จากการดำเนินกิจการเป็นที่แน่นอน เช่น กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มประกันชีวิต เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มการให้ผลตอบแทนสูงตามการเติบโตของรายได้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนไว้ไม่ต่ำกว่า 15%
กรรมการผู้อำนวยการ BLS ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดทั้งปี 2558 เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 60% Derivative Warrants 20% และวาณิชธนกิจ 10% ส่วนธุรกิจอื่นๆ อีก 10% ขณะที่ในส่วนของค่าคอมมิชชันของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 1.6% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.4% โดยบริษัทฯ มองถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับซึ่งมากกว่าการที่จะปรับลดค่าคอมมิชชันลงมาเพื่อแข่งขันกับโบรกเกอร์ที่จะเปิดใหม่ 2-3 รายในปีนี้
“บริษัทตั้งเป้าแผนธุรกิจปีนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของหุ้น และตราสารอนุพันธ์ ตลอดจนถึงใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants หรือ DW) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของ DW ที่ออกโดยบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของ DW ที่มีอยู่ทั้งหมด ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของนักลงทุน อีกทั้งยังจะได้มีการเพิ่มรอบการอบรมสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนตลอดทั้งปี และการพัฒนาเครื่องมือทางการลงทุน ทั้งบทวิเคราะห์ และแอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนบนสมาร์ทโฟนทุกระบบ เพื่้อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา” นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS ประเมินภาพรวมการลงทุนปี 2558 ว่า จะยังอยู่ในช่วงของความผันผวนจาก 2 ปัจจัยหลัก ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารสหรัฐอเมริกา หรือ FED ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ภายในประเทศยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็ม อีกทั้งยังมีสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองแม้ว่าจะสงบลงอยู่ในระดับเกือบปกติแล้ว แต่ยังอยู่ในรัฐบาลรักษาการชั่วคราว ภายใต้กฎอัยการศึก รวมถึงการประกาศใช้กฎหมายพิเศษขึ้นมาควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ทั้งปี 58 จะอยู่ที่ 3.7%
อย่างไรก็ตาม BLS ยังคงประเมินเป้าดัชนี SET INDEX ปี 2558 ว่าจะอยู่ที่ 1,670 จุด โดยมีวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท และลดลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีรายได้จากการดำเนินกิจการเป็นที่แน่นอน เช่น กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มประกันชีวิต เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มการให้ผลตอบแทนสูงตามการเติบโตของรายได้ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนไว้ไม่ต่ำกว่า 15%
กรรมการผู้อำนวยการ BLS ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดทั้งปี 2558 เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 60% Derivative Warrants 20% และวาณิชธนกิจ 10% ส่วนธุรกิจอื่นๆ อีก 10% ขณะที่ในส่วนของค่าคอมมิชชันของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 1.6% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.4% โดยบริษัทฯ มองถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับซึ่งมากกว่าการที่จะปรับลดค่าคอมมิชชันลงมาเพื่อแข่งขันกับโบรกเกอร์ที่จะเปิดใหม่ 2-3 รายในปีนี้
“บริษัทตั้งเป้าแผนธุรกิจปีนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของหุ้น และตราสารอนุพันธ์ ตลอดจนถึงใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants หรือ DW) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของ DW ที่ออกโดยบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของ DW ที่มีอยู่ทั้งหมด ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของนักลงทุน อีกทั้งยังจะได้มีการเพิ่มรอบการอบรมสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนตลอดทั้งปี และการพัฒนาเครื่องมือทางการลงทุน ทั้งบทวิเคราะห์ และแอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนบนสมาร์ทโฟนทุกระบบ เพื่้อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา” นายพิเชษฐ กล่าว