xs
xsm
sm
md
lg

ชำแหละ ศก.ไทย เปรียบเหมือนคนป่วยหนักของเอเชีย จีดีพีโตต่ำนานกว่า 10 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นักวิชาการ ชี้ประเทศไทยเป็นคนป่วยของเอเชีย เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจผิดทาง รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยใช้นโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม ทำให้อาการป่วยเรื่อรัง จีดีพีโตต่ำนานกว่า 10 ปี ขณะเดียวกัน ก็เผชิญปัญหาผู้สูงอายุพุ่ง แนะรัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีชั่วคราวกระตุ้นการลงทุน

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันอนาคตไทยศึกษา กล่าวในการเสวนาเรื่อง “ประเทศไทย…คนป่วยคนใหม่ของเอเชีย?” โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เติบโตช้า ขยายตัวเพียงร้อยละ 30 หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการเติบโตอัตราที่ต่ำ โดยมาเลเซีย เติบโตร้อยละ 30 อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 60 เวียดนาม ร้อยละ 70

โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจผิดทาง เนื่องจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยใช้นโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม ทั้งโครงการเช็คช่วยชาติ รถยนต์คันแรก จำนำข้าว คิดเป็นงบประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท สูงกว่างบลงทุนของประเทศ แต่ไม่สามารถรักษาอาการป่วยได้ ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง และสร้างความอ่อนแอให้แก่ประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยถูกประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม แซงหน้าไปแล้ว

ทั้งนี้ ได้เสนอทางแก้โดยให้เร่งการลงทุน ใช้มาตรการภาษี เพื่อเร่งส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน เพราะขณะนี้เอกชนกำลังขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ ด้วยการให้เอกชนที่ลงทุนสามารถลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น โดยเป็นมาตรการชั่วคราวระยะเวลา 1 ปี เพื่อกระตุ้นให้เอกชนลงทุนทันที เช่น อุตสาหกรรม พลังงาน ยานยนต์ และก่อสร้าง

ด้าน นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นคนป่วยมานานนับ 10 ปี มีปัญหาคือ ขาดประชากรวัยทำงานที่มีคุณภาพ เพราะระบบการศึกษาแย่ลง จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น คาดว่าอีก 5 ปี จำนวนผู้สูงอายุจะมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แซงหน้าเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยเผชิญต่อปัญหาแก่ก่อนรวย ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลผู้สูงอายุ

ขณะที่ประเทศไทย มีประสิทธิภาพในการพัฒนาแรงงานต่ำ ขาดการวิจัยและพัฒนา ทำให้แรงงานฟิลิปปินส์ สามารถเทียบชั้นกับแรงงานไทยได้แล้ว ทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญต่อปัญหาอาการป่วย ดังนั้น ประเทศไทยต้องเร่งแก้ไขด้วยการปฏิรูประบบการศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ปฏิรูประบบราชการ และรัฐวิสาหกิจ ส่งเสริมให้มีการลงทุนของภาครัฐและเอกชน เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต และส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเร่งจัดเก็บรายได้ของภาครัฐเพื่อใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ภาครัฐควรหันมาบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มากกว่าการจัดเก็บรายได้จากภาคประชาชน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และการจัดเก็บรายได้ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาเพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ ภาครัฐควรให้ความสำคัญเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีอาชีพเกษตรกร หากสินค้าเกษตรมีราคาต่ำจะส่งผลให้รายได้ของประชากรลดลง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อ ทำให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัว

ดังนั้น ภาครัฐบาลควรเน้นแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร ทั้งระยะสั้น โดยเร่งแก้ปัญหาต้นทุนภาคการผลิต และการจัดสรรแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรให้เพียงพอ ตลอดจนยกระดับสินค้าเกษตรไทยเป็นสินค้าเกรดพรีเมียมเพื่อจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้นเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และระยะยาว โดยการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งภาษี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดิจิตอลอีโคโนมี
กำลังโหลดความคิดเห็น