หุ้นไทยปิดร่วง 16.39 จุด คาดเกิด Panic Sell หลังดัชนีหลุดระดับ 1,500 จุด เผยปัจจัยในและนอกประเทศรุมกดดัน โบรกฯ ชี้ ตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง หลังจากที่มีหลายสำนักได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,496.41 จุด ลดลง 16.39 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.08% มูลค่าการซื้อขาย 35,124.26 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,512.76 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,496.38 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ จากความกังวลตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ออกมาไม่ดี รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกลางที่ซาอุดิอาระเบียและชาติพันธมิตรเริ่มเปิดฉากโจมตีกองกำลังติดอาวุธในเยเมน
สำหรับตลาดบ้านเราปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อดัชนีฯ หลุดแนว 1,500 จุด อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงหลังจากที่มีหลายสำนักได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.) ตลาดฯ มีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,520 จุด
ด้านนายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงใกล้ปิดตลาดฯ ปรับตัวลงมากว่า 10 จุด จนหลุดระดับ 1,500 จุด ทำให้เกิด Panic sell ตามมา ทั้งหุ้นบิ๊กแคปและหุ้นขนาดกลาง ประกอบกับหุ้น ADVANC ก็ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันนี้ด้วยจึงเป็นแรงกดดันให้กับตลาดฯ อีกทั้งยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และการเจรจาหนี้ของกรีซก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา
นายสุโชติ กล่าวเสริมว่า คงจะต้องติดตามทางสหรัฐฯ ในคืนนี้ที่จะมีการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ แต่เชื่อว่าไม่น่ามีเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพราะช่วงหลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวขึ้นสูงแล้ว เวลานี้จึงเป็นลักษณะของการหาประเด็นเพื่อขายออกมามากกว่า
พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,520 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,475.47 ล้านบาท ปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,805.75 ล้านบาท ปิดที่ 326.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,551.18 ล้านบาท ปิดที่ 111.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,424.94 ล้านบาท ปิดที่ 179.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,308.27 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.20 บาท
