บลจ.แมนูไลฟ์แนะลงทุนหุ้นเอเชียขนาดกลาง-เล็ก มองราคาน้ำมันต่ำดันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ.เติบโต พร้อมให้น้ำหนักตลาดอินเดีย ไต้หวัน และเกาหลี ชี้ยุโรปทำ QE ดันเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นไทย
นางลินดา เซลแลค หัวหน้าทีมลงทุนตราสารทุน เอเชีย แปซิฟิก แมนูไลฟ์ เอเชีย กล่าวว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาเรื่องการคว่ำบาตรประเทศรัสเซีย จนราคาน้ำมันปรับลดลงไปกว่าครึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างหนักในช่วงเดือนสุดธันวาคม ซึ่งเป็นภาวะที่ผิดปกติ จนเกิดการขายทำกำไรไปจำนวนมากทำให้ตลาดหุ้นตกลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้น และเชื่อว่าในปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียน และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น
นางลินดา มองว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะมีการเติบโตที่ลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 6.7% แต่ก็เป็นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ และยังมีสภาพคล่องในระบบที่ดีต่อไป ซึ่งจากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับลดลง เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ จึงคาดว่าจีนอาจจะปรับลดดอกเบี้ยได้อีกหลายครั้งในปี 2558 และในปี 2559
ขณะที่ไต้หวัน และเกาหลี ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ผูกกับสหรัฐฯ และยุโรปในเรื่องการส่งออก จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นก็ทำให้การส่งออกเติบโตขึ้นและส่งผลถึงบริษัทจดทะเบียนที่โตขึ้น โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ซึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือกลุ่มเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และกลุ่มสุขภาพบางตัว
ด้านประเทศอินเดีย ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูงมากแต่ก็มีความผันผวนมากเช่นกัน เชื่อว่าในปีนี้เศรษฐกิจยังเติบโตได้อีก โดยเฉพาะในหุ้นที่เกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่ลดลง และนโยบายภาครัฐที่เปิดเสรี และการลงทุนโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐาน ทำให้บริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องการลงทุนน่าจะเติบโตขึ้น
“แมนูไลฟ์ยังชอบการลงทุนในเอเชีย เพราะเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของภูมิภาคอื่นทั่วโลกแล้วเอเชียยังมีการเติบโตที่สูงกว่า และมองว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันลดลง ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจเอเชียยังเติบโตสูงขึ้นอีก บริษัทจดทะเบียนน่าจะมีผลประกอบการที่ดีและทำตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น”
ทางด้านนายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การทำ QE ของยุโรปและญี่ปุ่นจะทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งหุ้นไทยด้วย ซึ่งเงินที่ไหลเข้าลงทุนจะเป็นการเลือกลงทุนมากขึ้น
โดยหุ้นไทยนั้นยังต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปอีกว่าเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นอย่างไร ในปีนี้การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนจากภาครัฐจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ
“ในอาเซียเรายังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะยังมีการเติบโตที่น่าสนใจ ในหุ้นกลุ่มอสังหาฯ คอนซูเมอร์ ไฟแนนซ์ และกลุ่มสื่อสาร”นายต่อกล่าว