สยามอีสเทิร์นฯ สยายปีกธุรกิจรุกอสังหาฯ งัดแลนด์แบงก์กว่า 300 ไร่ ย่านบางปู ทุ่มหมื่นล้านผุด K CITY โครงการมิกซ์ยูส ท่าเรือเฟอร์รี่รับส่งผู้โดยสารจากบางปู-พัทยา-หัวหิน พร้อมสวนสนุกขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น โรงแรม 5 ดาว คอนโดหรู คอมมูนิตี มอลล์ โรงเรียน คาดใช้เวลาก่อสร้างราว 5 ปี ล่าสุด เปิดเฟส 2 นิคมฯ SEP ที่กว่า 1,000 ไร่ รองรับนักลงทุนชิ้นส่วนยานยนต์
นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานบริหาร พัฒนาธุรกิจ บริษัท สยามอีสเทิร์น อินดัสเตรียล พาร์ค จำกัด หรือ SEP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมลงทุนพัฒนาที่ดินแลนด์แบงก์กว่า 300 ไร่ ติดชายทะเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางปู ภายใต้ชื่อโครงการ “K CITY” ภายในโครงการจะประกอบไปด้วย ท่าเรือเฟอร์รี่, โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว, คอนโดมิเนียม, สวนสนุกขนาดใหญ่, คอมมูนิตี มอลล์, โรงเรียนพาณิชยนาวี คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 5 ปี จึงจะครบสมบูรณ์
สำหรับท่าเรือเฟอร์รี่นั้นจะให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวจากบางปู ไปยังพัทยา และหัวหิน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางวิ่งวนจากบางปู-พัทยา-หัวหิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพของทะเลในย่านนี้ อัตราค่าบริการประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อคน เรือเฟอร์รี่ดังกล่าวจะเป็นเรือขนาดใหญ่ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 500 คน และบรรทุกรถยนต์ได้ราว 30 คัน ในเบื้องต้น จะใช้เรือ 3 ลำๆ ละประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของการท่าเรือเฟอร์รี่จะสามารถเปิดให้บริการได้ก่อน โดยเริ่มก่อสร้างในปีนี้ และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี ถึง 2 ปีครึ่ง
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมนั้น จะพัฒนา จำนวน 3 อาคารๆ ละ 100 ยูนิต พัฒนาควบคู่ไปกับโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ สำหรับคอมมูนิตี มอลล์ จะพัฒนาเป็น 2 ชั้น ขนาดประมาณ 10,000 ตารางเมตร ภายในจะประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาคารชื่อดังต่างๆ โดยเฉพาะอาหารซีฟูด ที่ลูกค้าสามารถมองเห็นวิวทะเลของบางปู สำหรับสวนสนุกนั้นจะเป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ โดยร่วมกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของสวนสนุกขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นมาเปิดให้บริการที่ K CITY
สำหรับการสร้างโรงเรียนพาณิชยนาวี นั้นเริ่มขึ้นจากในปัจจุบันไทยยังขาดบุคลากรในด้านการเดินเรือจำนวนมาก และยังไม่มีการเรียนการสอน หรือโรงเรียนที่สอนสำหรับด้านนี้ จึงมีแนวคิดที่จะก่อตั้งโรงเรียนดังกล่าวขึ้นมาเพื่อสอนนักเรียนนักศึกษาที่สนใจด้านการเดินเรือโดยเฉพาะ
นายเอกสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ขยายพื้นที่นิคมอุสาหกรรมสยามอีสเทิร์น อินดัสเตรียล พาร์ค หรือ SEP เฟส 2 โดยการเข้าซื้อกิจการของ “GK Land” ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการ SEP พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในราคา 2,000 ล้านบาท และได้พัฒนาเป็นโครงการเขตประกอบการ ภายใต้ชื่อโครงการ “สยาม กรีน ซีตี้” (Siam Green City) โดยบริษัทได้เข้าพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสีย น้ำประปา เพื่อรองรับโรงงานต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการรองรับนักลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้บริหารที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมฯ ได้แก่ โรงแรม ขนาดประมาณ 100 ห้อง อพาร์ตเมนต์ ขนาด 100 ห้อง และคอนโดมิเนียมหรู ขนาด 28-100 ตารางเมตร/ยูนิต ราคาประมาณ 3 ล้านบาท ภายในโครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมสนามไดรฟ์กอล์ฟ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท
พร้อมทั้งสร้างโรงงานสำเร็จรูป และคลังสินค้าให้เช่า เพื่อรองรับนักลงทุน ซึ่งโครงการนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างยิ่งจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น เช่น บริษัท ยูเนี่ยนออโต้พาร์ท จำกัด ที่ได้เข้าซื้อที่ดินกว่า 100 ไร่ และบริษัท แปซิฟิกออโต้พาร์ท จำกัด และยังมีนักลงทุนได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินในนิคมฯ ไปแล้ว 3-4 รายๆ ละ 20-30 ไร่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่านักลงทุนชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นในการบริหารของ SEP และยังเชื่อมั่นประเทศไทย
โครงการนี้ SEP ได้รับการสนับสนุนการส่งเสริมจาก BOI โดยพื้นที่ได้รับสิทธิด้านภาษีอากร 8 ปี 100% และ 5 ปี 50% อีกทั้งโครงการ “สยาม กรีน ซีตี้” ยังมีบริษัทตั้งอยู่ในโครงการ คือ บริษัท คาวาซากิ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น
“แม้ที่ผ่านมาไทยจะถูกคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้านแย่งนักลงทุนไป เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า แต่ไทยยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องของคุณภาพการผลิต ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้นักลงทุนยังนิยมเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทย โดยเฉพาะภาคการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ นักลงทุนจากญี่ปุ่นซื้อแม้รายใหญ่จะชะลอเข้ามาลงทุน แต่ยังมีนักลงทุนรายเล็กที่เป็นเอสเอ็มอีเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเห็นศักยภาพในการเติบโต”