xs
xsm
sm
md
lg

EPG ตั้งเป้ารายได้ปี 58 โต 25-30% เล็งซื้อกิจการเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG
อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้งวดปี 2558/2559 เติบโตขึ้นเฉลี่ยที่ 25-30% หรือประมาณ 8,500-8,600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าระยะยาว 3 ปี มีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท จากการเติบโตแบบก้าวกระโดดเน้นด้วยการขยายกำลังการผลิต และซื้อกิจการเพิ่ม  

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป หรือ EPG กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการรายได้งวดปี 2558/2559 (รอบบัญชีงบประมาณสิ้นสุด มีนาคม 2559) ไว้ที่ประมาณ 8,500-8,600 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเติบโตขึ้นที่ 25-30% เทียบสัดส่วนจาก 2557/2558 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2558) โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ประมาณ 6,900 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของรายได้ที่เกิดจากบริษัท TJM Products PTY Ltd (TJM) หลังการเข้าซื้อบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในงวดปีหน้า  

“แนวโน้มตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในอเมริกาในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 3% ซึ่งถือว่ามีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงสำหรับประเทศใหญ่ที่มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก แต่หากเทียบกับในตลาดยุโรปยังไม่ดีนัก เนื่องจากค่าเงินที่ขาดเสถียรภาพมีความผันผวนสูง แต่ก็ยังถือว่าเป็นช่วงโอกาสดีที่บริษัทฯ จะซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตต่างๆ ได้มีราคาที่ถูกลง ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศยังไม่อยู่ในช่วงที่ดี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ยอดผลิตรถยนต์มีการก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากนโยบายรถคันแรก และการส่งออกรถยนต์ของไทยไปต่างประเทศสามารถช่วยกระตุ้นตลาดได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ในส่วนของการเข้าไปลงทุนขยายกำลังการผลิต และการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่ารายได้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งใน และต่างประเทศ จะช่วยให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด”

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ระยะ 3 ปี คาดว่าจะสามารถทำรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2560-2561 โดยวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการในการส่งออกไปขายยังตลาดต่างประเทศ โดยจะมีการปรับสัดส่วนรายได้เน้นการขายจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็น 60-65% และภายในประเทศ 35-40% จากเดิมที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพียง 46% เท่านั้นและจากในประเทศที่ 54% นอกจากนี้ ยังจะขยายกำลังการผลิตในประเทศสหรัฐฯ เพื่อขายในภูมิภาคยุโรป และอเมริกา

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการอีก 2 แห่ง คือ ธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศ จำนวน 1 แห่ง มูลค่าประมาณ 500-600 ล้านบาท และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศจีน 1 แห่ง มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 แห่งได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยบริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จากสถาบันการเงิน และการพิจารณาออกหุ้นกู้เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะไม่กระทบหนี้สินต่อทุน D/E ของบริษัทในขณะนี้ซึ่งอยู่ที่ 0.5 เท่า สำหรับกำไรสุทธิในปี 58/59 (สิ้นสุด 31 มี.ค.59) มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ ช่วยให้ต้นทุนการผลิตปรับลดลงค่อนข้างมาก นอกจากนี้ หลังจากที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ได้ประโยชน์จากการประหยัดต้นทุนจากขนาดด้วย
 


กำลังโหลดความคิดเห็น