นักวิชาการ ชี้ ปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้นไม่น่ากังวล เชื่อมือ ธปท. เอาอยู่ แนะรัฐบาลเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐาน หากชัดเจนดึงเงินทุนเข้าประเทศไทย พร้อมจี้หน่วยงานภาครัฐเร่งเบิกจ่ายช่วยเกษตรกรด่วนหลังราคาน้ำมันร่วง ขณะที่ ธปท. ระบุ สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาคือด้านภาพลักษณ์ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อระบบการฝากเงินที่กำลังมีปัญหา
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “ความผันผวนของตลาดการเงินและการบริหารความเสี่ยง” โดยระบุว่า ยังคงต้องจับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศปีนี้อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าโอกาสเงินทุนไหลออกแบบชั่วคราวหลังจากนี้ไปค่อนข้างมีมาก แต่ภาพรวมไม่น่ากังวล เพราะการติดตามดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดำเนินการดีอยู่แล้ว ดังนั้น หากเป็นความผันผวนปกติไม่ได้ส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจก็ควรปล่อยให้กลไกตลาดและกลไกราคาทำงานจะเป็นมาตรการเหมาะสมที่สุด แต่หากเป็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรควรต้องใช้มาตรการดูแลการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและมาตรการทางอ้อมในการดูแล ซึ่งเชื่อว่า ธปท. เอาอยู่ จึงไม่น่าวิตกอะไร
สำหรับสิ่งที่นักวิชาการเป็นห่วง หากจะให้เงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น คือ ความชัดเจนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและความชัดเจนด้านการเมือง เพราะขณะนี้ต่างชาติกำลังจับตามองว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งต้นปี 2559 ได้จริงหรือไม่ หากเกิดขึ้นจริงจะเรียกความเชื่อมั่นและหันกลับเข้ามาลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลชุดนี้กำลังเดินหน้าอยู่อย่างเต็มที่ แต่หากไม่มีการเลือกตั้งอาจทำให้มีการย้ายการลงทุนไปประเทศอื่นๆ
นางวชิรา อารมย์ดี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.มีมาตรการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว แต่ที่ต้องจับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุน คือ ปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับมาตราการดูแลของธนาคารกลางญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ที่ออกมาตรการด้านดอกเบี้ยและมาตรการดูดซับสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเป็นที่คาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ดังนั้น การที่จะให้เศรษฐกิจเติบโตได้อยู่ที่ความชัดเจนด้านแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลขณะนี้เอกชนไทยกำลังติดตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากรัฐบาลเมื่อรัฐบาลเดินหน้าโครงการได้จะส่งผลให้เอกชนมั่นใจที่จะกล้าลงทุนเพิ่ม และทาง ธปท.ยังมั่นใจระบบภาคการเงินของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินไทยยังมีความแข็งแกร่งรองรับปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ได้
นางวชิรา กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเป็นปัญหาคือภาพลักษณ์ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อระบบการฝากเงินที่กำลังมีปัญหา คือ สหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีการยักยอกเงินจนขาดสภาพคล่อง แม้ว่า ธปท.จะไม่ได้ดูแลโดยตรง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปกระทรวงการคลังจะต้องหามาตรการเข้มงวดสหกรณ์ต่างๆ มากขึ้น เพราะเงินทุนสหกรณ์ในระบบของไทยมีเงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างมาก
ด้านนายชัยพัฒน์ สหัสกุล กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติและอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า กล่าวว่า จากปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเร็วและแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรทั่วโลกรวมถึงเกษตรกรไทยได้รับผลกระทบ ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง กุ้ง ของไทยมีราคาลดลงมาก และโอกาสที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับไปอยู่ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลก็เป็นเรื่องลำบาก โดยราคาน้ำมันตลาดโลกปีนี้น่าจะอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาล์เรล ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรของไทยยังคงอยู่ระดับต่ำต่อไปอีก และสิ่งที่จะช่วยลดผลกระทบให้กับเกษตรกรเวลานี้ช่วยกันมาหามาตรการลดต้นทุนและมาตรการที่รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรด้านต่างๆ เวลานี้ยอมรับว่าเม็ดเงินที่จะลงไปช่วยเหลือเกษตรกรช้ามาก จึงอยากให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเร่งเบิกจ่ายเงินเพื่อลดผลกระทบให้กับเกษตรกรโดยเร็ว เพราะเวลานี้ตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น