หัวหน้าสายงานบริหารและดูแลสายงานปฏิบัติการ ตลท. เผยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบระบบการชำระราคาหลักทรัพย์ และส่งมอบหลักทรัพย์ใหม่ให้แล้วเสร็จใน 2 วัน หรือ T+2 จากเดิมซึ่งล่าช้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ช่วยให้รวดเร็ว และประหยัดเวลามากขึ้น พร้อมทั้งวางระบบใหม่การชำระราคาแบบหลายตลาด และหลายสกุลเงิน ตั้งเป้าเพื่อให้เป็นศูนย์กลางตลาดทุนอาเซียน
นายบดินทร์ อูนากูล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารและดูแลสายงานปฏิบัติการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในขณะนี้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ในช่วงของการพัฒนาระบบการชำระราคาหลักทรัพย์ และส่งมอบหลักทรัพย์รูปแบบใหม่ที่มีความรวดเร็วให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 2 วัน หรือ T+2 ซึ่งปัจจุบันนี้ ตลท.ใช้ระบบเดิมใช้ระยะเวลานานกว่า 3 วัน ทำให้เกิดความล่าช้าหากเทียบกับตลาดอื่นๆ ที่สำคัญของโลก เช่น ยุโรปที่ใช้ระบบใหม่โดยดำเนินการเพียง 2 วันเท่านั้น โดยภายในปลายปีนี้ ตลท.จะมีการสำรวจความต้องการ และความพร้อมไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกทุกแห่ง ถึงความต้องการในการใช้รูปแบบการชำระราคาหลักทรัพย์และส่งมอบหลักทรัพย์ภายใน 2 วัน (T+2) และระบบใหม่จะช่วยให้ประหยัดเวลาช่วยทำให้การชำระราคาหลักทรัพย์ และส่งมอบหลักทรัพย์มีความรวดเร็วขึ้น
“ตลท.ได้มีการพัฒนาระบบชำระราคาใหม่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งการพัฒนาระบบใหม่นั้นสามารถรองรับระบบคำสั่งซื้อขายได้มากกว่าการซื้อขายในปัจจุบันถึง 3 เท่า (โดยทดสอบระบบจากวันที่มีประมาณการส่งคำสั่งซื้อขายสูงที่สุด) ขณะเดียวกัน ระบบการซื้อขายใหม่ยังได้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลบัญชีรับฝากหลักทรัพย์จากสำนักหักบัญชีรายบุคคลได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในช่วงปลายปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะหารือกับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกในการกำหนดราคาใหม่ที่เป็น T+2 ทั้งนี้ หากบริษัทหลักทรัพย์เห็นด้วย และมีความต้องการชำระราคาหลักทรัพย์และส่งมอบหลักทรัพย์ภายใน 2 วัน (T+2) คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 2559 เป็นต้นไป โดยในปัจจุบัน กลุ่มสหภาพยุโรปได้มีการใช้รูปแบบ T+2 ตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา และประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ใช้ T+2 แล้ว ได้แก่ ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน ส่วนประเทศออสเตรเลียและประเทศสิงคโปร์ ตั้งเป้าว่าจะเริ่มใช้ในช่วงปี 2559-2560”
นอกจากนี้ ตลท.ยังได้พัฒนาระบบชำระราคาใหม่ (New Clearing System) ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดใช้ได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบระบบครั้งที่ 2 จากจำนวนทั้งหมด 4 ครั้ง ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกจะต้องมีระบบรองรับได้ 100% และการตั้งคำถามเพื่อทดสอบความพร้อมของระบบอีกกว่า 400 ข้อ เพื่อความปลอดภัยของระบบ และป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดในอนาคตในช่วงที่เปิดใช้งานจริง
“ระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการแข่งขันให้เทียบเท่ากับสำนักหักบัญชีทั่วโลก โดยระบบชำระราคาใหม่นี้จะสามารถรองรับในหลากหลายตลาด (Multi- MarKets) และการชำระราคาในสกุลเงินต่างประเทศ นอกเหนือจากสกุลเงินบาท (Multi-Currencies) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของระบบโดยรวมจากการรองรับงานชำระราคาของสินค้าประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอยู่บนระบบเดียวกัน (Integrated Clearing System) ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการเพิ่มความรวดเร็วและลดขั้นตอนการปิดสมุดทะเบียนของสมาชิก รองรับการเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการลดภาระการทำงานของสมาชิก และสนับสนุนให้ทำงานในรูปแบบ Straight-Through Processing (STP) มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานไปสู่การปรับเปลี่ยนระยะเวลาการชำระ ราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ Settlement Cycle ให้สั้นลงในอนาคต ตั้งเป้าในอนาคตที่จะเป็นศูนย์กลางตลาดทุนอาเซียน”
อย่างไรก็ตาม บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) ก็จะมีการพัฒนาระบบ Investor Portal เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาตรวจสอบหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนเองได้ เพื่อเป็นการปกป้องนักลงทุน ว่ามาร์เกตติ้งมีการแอบถ่ายโอนหุ้นของลูกค้าออกไปหรือไม่ โดยทาง ตลท. อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกเกณฑ์รองรับการดำเนินการดังกล่าว โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากในขณะนี้ยังติดกฎหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคลอยู่ พร้อมกันนี้ TSD อยู่ระหว่างศึกษา และหารือกับทาง ก.ล.ต. รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะนำระบบบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Digital Subscription) ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เป็นการช่วยลดขั้นตอน และงานเอกสารที่จะต้องใช้ในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
