xs
xsm
sm
md
lg

“SET” ลดเป้า Market cap หุ้น IPO ปี 58 เหลือ 2.5 แสนล้าน (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.
บอร์ดตลาดหุ้นไทยเผยเตรียมปรับลดเป้า IPO ในปีหน้าเหลือ 2.5 แสนล้านบาท เหตุ บจ. ไม่แน่ใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปีหน้า พร้อมผลักดันองกรณ์เข้าสู่การเป็น Digital Exchange ส่วนระยะเวลาในการชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ (T+2) อยู่ในช่วงศึกษาคาดได้ข้อสรุปกลางปีหน้า

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า แนวโน้มการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้าจะเน้นการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบของการขยายตัวของบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และการเติบโตของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ตลอดจนถึงการเพิ่มขึ้นของการซื้อขายหลักทรัพย์สุทธิเฉลี่ยต่อวัน และสร้างความหลากหลายให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่จะออกใหม่ทั้งในตลาดหุ้น และตลาดอนุพันธ์ เนื่องจากในตลาดทั่วโลกแนวโน้มของตลาดซื้อขายล่วงหน้ามีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ตลท.จะพยายามผลักดันให้ตลาดซื้อขายล่วงหน้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ตลท.จะผลักดันให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์นอกเหนือจากสกุลเงินบาทเป็นสกุลเงินประเภทอื่น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับนักลงทุนรวมถึงสร้างความหลากหลายในเรื่องของการซื้อขายในสกุลเงินตราอื่นๆ ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เช่น สกุลเงินดอลลาร์ เพื่อเปิดกว้างให้แก่นักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ก็จะขยายการเติบโตออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะมีการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีการร่วมทุนกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม GMS เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น หรือบริษัทในต่างประเทศสามารถเข้ามาจดทะเบียนใน ตลท.ได้โดยตรง ซึ่งน่าจะเป็นการส่งเสริมอีกช่องทางหนึ่งของการเติบโตของ ตลท. คาดว่ากฎเกณฑ์หลักทรัพย์ต่างประเทศน่าจะมีการประกาศออกมาได้ในช่วงต้นปี 2558 โดยในปีหน้า ตลท.จะตั้งเป้าในการเพิ่มมูลค่ารวมจากหลักทรัพย์บริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายหุ้นสามัญใหม่ หรือ IPO ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2.5 แสนล้านบาท และมูลค่าการระดมทุนเพิ่มในตลาดหุ้นไทยอีก 1.3 แสนล้านบาท ตลอดจนถึงเพิ่มมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสุทธิต่อวันของตลาดหุ้นอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่จะผลักดันให้ยอดมูลค่าซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายที่ 1.9 แสนล้านบาทต่อวัน

“ตลท.จะสร้างบรรยากาศการลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนไทยที่มีศักยภาพให้ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจน (DJSI) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปอยู่ในดัชนีดาวน์โจนแล้ว 10 บริษัท เช่น PTT, PTTEP, PTTGC, IRCP, CPN, TUF, BANPU, SCC, TOP, MINT”

ขณะที่นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ ตลท.ประมาณการมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) คาดว่าจะอยู่ที่ 15 ล้านล้านบาท มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันสุทธิอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท และปริมาณการซื้อขายของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่อวันจะอยู่ที่ 1.4 แสนสัญญา ขณะที่ในปีหน้า ตลท.จะผลักดันองกรณ์การเข้าสู่การเป็น Digital Exchange เพื่อให้มีความทันสมัย มีความรวดเร็ว โดยจะใช้เทคโนโลยีด้านไอทีมากขึ้น เพื่อลดต้นทุน และการใช้ทรัพย์ที่ไม่จำเป็น และให้มีความทันสมัยทัดเทียมตลาดหุ้นสากล สอดรับต่อเป้าหมายของรัฐบาลที่จะก้าวไปสู่การเป็น Digital Economy ขณะที่ในส่วนของการปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ ซึ่ง ตลท.อยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมความพร้อมเพื่อลดระยะเวลาในการชำระราคา และส่งมอบหลักทรัพย์ให้สามารถดำเนินการได้ภายใน 2 วันทำการ (T+2) จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 วันทำการ (T+3) เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมาตรฐานสากล มองว่าน่าจะเห็นความคืบหน้าดังกล่าวได้ในปี 2558

อย่างไรก็ดี ในส่วนของประมาณการมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในอนาคตภายในปี 2563 คาดว่าจะมีตลาดหุ้นไทยจะมี Market cap อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านล้านบาท ปริมาณการซื้อขายสุทธิเฉลี่ยต่อวันคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท และปริมาณการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของตลาดอนุพันธ์จะสูงถึง 4.5 แสนสัญญาต่อวัน

ขณะที่ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และจดทะเบียน กล่าวว่า ประมาณการของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่จะเข้ามาซื้อขายหุ้นสามัญใหม่ หรือ IPO สิ้นปี 57 ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai มีจำนวนถึง 47 หลักทรัพย์ มีมูลค่าการระดมทุนหุ้น IPO เฉลี่ยประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ขณะที่แนวโน้มการระดมทุนหุ้น IPO ในปี 2558 จะลดลงเหลือประมาณ 2.5 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทหลายแห่งได้ยื่นไฟลิ่งในปีนี้ไปแล้วกว่า 30 บริษัท และมีความต้องการเข้าจดทะเบียนซื้อขายให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพราะไม่แน่ใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปีหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น