แอล.พี.เอ็น.ฯ เดินหน้าเปิดขายลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 รอบใหม่ 4 เม.ย.นี้ มั่นใจกวาดยอดขายไม่ต่ำ 3,000 ล้านบาท รวมยอดขายเดิม 2,000 ล้านบาท ส่งยอดจองซื้อลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 ปีนี้ ไม่ต่ำ 5,000 ล้านบาท แจงปัญหา EIA ทำลูกค้ายกเลิก-ขอคืนเงินจองกว่า 700 ยูนิต เชื่อผ่าน EIA ลูกค้าแห่ซื้อเพิ่ม ระบุไม่มีปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าไม่ซื้อ LPN ยันหนี้ครัวเรือนพุ่ง-กำลังซื้อหด ไม่กระทบลูกค้าหลัก มั่นใจรายได้ทั้งปี 16,000 ล้านบาทตามเป้า โชว์แบ็กล็อกในมือ 19,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปี 58 นี้ 14,000 ล้านบาท ปี 59 อีก 5,000 ล้านบาท
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ได้ลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่าง LPN และบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในการเช่าและบริหารพื้นที่โครงการ Market Place รังสิตคลอง 1 คอมมูนิตีมอลล์ ขนาดพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร ซึ่งพัฒนาโดย LPN ในโซนด้านหน้าของโครงการ ลุมพินีทาวน์ชิป รังสิต-คลอง1 โครงการคอนโดมิเนียมเมกะโปรเจกต์ จำนวน 10,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท โดย สมายมฟิวเจอร์ จะเช่าพื้นที่ พร้อมบริหารพื้นที่เช่ามอลล์ดังกล่าวเป็นระยเวลา 30 ปี
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 ซึ่งมีขนาดชุมชนใหญ่มากขนาดนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ LPN ดำเนินการ และมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ในการบริหารชุชนของบริษัทกว่า20 ปีที่ผ่านมา จะทำให้โครงการนี้ยังเป็นโครงการต้นแบบที่ให้บริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ รวมถึงองค์กรดูแลชุมชนขนาดใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาศึกษาดูงานการบริหารชุมชนของบริษัทเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ผ่านมามีหน่วยงานต่างๆ ทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง
“เป้าหมายของโครงการดังกล่าวคือ กลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน และครอบครัวใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านรอบนอกของ กทม. แต่มีระบบคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันรองรับการอยู่อาศัย”
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท LPN กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษทีชะลอการขายโครงการในช่วงปีก่อนหน้า เนื่องจากยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการเพราะต้องรอผลการอนุมัติการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ทำให้ ณ ปัจจุบัน โครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 มียอดขายรวม 2,000 ยูนิต จากเดิมที่มียอดจองซื้อแล้ว 2,700 ยูนิต เพราะลูกค้ามีการขอคืนเงินจอง และยกเลิกจองสิทธิซื้อห้องชุดในโครงการไปกว่า 700 ยูนิต เนื่องจากลังเลในการเลือกห้องในแต่ละอาคาร รวมถึงได้รับผลกระทบจากปัญหา EIA ทำให้ขอยกเลิกการจองซื้อห้องชุดไปบางส่วน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมเปิดการขายโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 ใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ โดยจะเปิดให้ลูกค้าจองซื้อห้องชุดในเฟสแรกที่ถูกยกเลิก และคืนเงินจองในเฟสแรก และเปิดการขายในเฟสที่ 2 ไปพร้อมๆ กัน หลังจากที่ล่าสุด โครงการดังกล่าวได้ผ่าน EIA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน ในการเปิดขายครั้งนี้บริษัทได้มีการปรับราคาขายห้องชุดในแต่ละโซนใหม่ ทำให้สัดส่วนในการพัฒนาห้องชุดในระดับราคาแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ห้องชุดระดับราคาเริ่มต้น 5 แสนบาทเศษ 30% ห้องชุดราคาเริ่มต้น 6 แสนบาท 30% ห้องชุดระดับราคา 7 -8 แสนบาท 20-30% และห้องชุดระดับราคา 9 แสนบาท 10%
“ในการเปิดพรีเซลรอบใหม่ 4 เม.ย.นี้ LPN ได้ทำราคาโปรโมชันโดยเปิดราคาขายเริ่มต้นที่ 5.65 แสนบาท ซึ่งในการเปิดพรีเซลครั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดจองซื้อได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูนิต เมื่อนับรวมกับยูนิตที่ขายไปก่อนหน้า 2,000 ยูนิต จะทำให้ ณ สิ้นเดือน เม.ย.นี้โครงการดังกล่าวจะมียอดขายรวม 5,000 ยูนิต หรือมียอดขายรวม 3,500 ล้านบาท”
สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 คาดว่าในช่วยปลายเดือน ก.ย.58 นี้ จะเริ่มทยอยโอนห้องชุดให้ลูกค้าได้แล้ว เนื่องจากลูกค้าที่จองซื้อห้องชุดในโครงการช่วงปีที่ผ่านมาจะเริ่มส่งค่างวดเงินดาวน์ในครบเรียบร้อยในช่วงดังกล่าว และเป็นช่วงที่เงินก่อสร้างในเฟสแรกเริ่มทยอยแล้วเสร็จ
นายโอภาส กล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อของลูกค้า ณ ปัจจุบันว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทมากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของโครงการนั้นเป็นกลุ่มวัยรุ่นซึ่งพ่อและแม่ หรือครอบครัวเป็นผู้ซื้อและผ่อนให้ ขณะที่กลุ่มลูกค้าหลักซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่นั้นเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และไม่มีผลกระทบจากปัญหาหนี้ครั้วเรือน เพราะกลุ่มที่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนในระบบนั้นโดยมากเป็นกลุ่มเกษตรกร พ่อค้า แม่ค้าราย่อย นอกจากนี้ โครงการที่จะเริ่มทยอยโอนในปีนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นโครงการในแบรนด์เพลส ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ดังนั้น ปัญหากำลังซื้อ และหนี้ครัวเรือนจึงไม่กระทบต่อลูกค้าLPN มากนัก
ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาเป็นการขายห้องชุดในโครงการเดิม และมีการเปิดขายโครงการใหม่เพียง 1 โครงการคือ โครงการลุมพินีวิลล์ ชะอำ ซึ่งมีมูลค่า 1,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเปิดการขายโครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 และโครงการลุมพินี นครอินทร์แล้ว เชื่อว่าในไตรมาสแรกนี้บริษัทจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
“ในปีนี้บริษัทมีแบ็กล็อกในมือ 19,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 58 ประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 59 ส่วนยอดรายได้รวมของปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากโครงการเปิดขายในปี 2,000 ล้านบาทนี้ และแบ็กล็อกสะสมในมือ 14,000 ล้านบาท”