“คลัง” เด้งรับลูก “ป.ป.ช.” ดูแลความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 6 แสนล้าน เผยได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังดูว่ามีการโยงไปถึงใครบ้าง คาดสรุปภายใน 2-3 วันนี้ ย้ำรัฐใช้นโยบายการคลังเป็นตัวหลักขับเคลื่อน ศก. แต่การลด ดบ.นโยบาย 0.25-0.50% เพียงเล็กน้อย จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนลง และการส่งออกดีขึ้น ส่วนโครงการลงทุนที่เบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผน ส่อโดนยุบเพื่อนำเงินไปลงทุนด้านอื่นที่จำเป็น พร้อมหนุนปัดฝุ่นโครงการเหมืองแร่โปแตซ
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งให้พิจารณาความเสียหายในคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดในคดีอาญาไปแล้วก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังในฐานะดูแลความเสียหายของรัฐ เตรียมพร้อมดำเนินการอยู่แล้ว
นายสมหมาย ยอมรับว่า ตนเองได้สั่งการให้อธิบดีกรมบัญชีกลางผู้มีหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบให้พิจารณาแนวทางต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดูข้อมูลว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง และนำข้อมูลการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวของคณะกรรมการปิดบัญชีประมาณ 600,000 ล้านบาท คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ในช่วง 2-3 วันนี้
สำหรับข้อเสนอการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น นายสมหมาย กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25-0.50 ไม่ได้ช่วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะการลดดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย จะส่งผลต่อค่าเงินบาทอ่อนลง และส่งผลต่อการส่งออกดีขึ้น ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้นโยบายการคลังขับเคลื่อนผ่านมาตรการต่างๆ
สำหรับที่ประชุม ครม.วันนี้ รับทราบแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ หากโครงการลงทุนใดไม่คืบหน้าตามแผนการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ให้เปลี่ยนโครงการ เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนประเภทอื่นที่มีความจำเป็น
ส่วนกรณีการเปิดเหมืองแร่โปแตซอาเซียน ในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเหมืองแร่โปแตซอาเซียน มองว่าเป็นสิ่งที่ดีกลับมาฟื้นโครงการ เพื่อนำแร่โปแตซขึ้นมาใช้ประโยชน์ หากผลิตได้ 1.1 ล้านตัน ต่อไปจะส่งออกได้ถึง 600,000 ตัน และยังใช้ในประเทศอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยอย่างมาก