xs
xsm
sm
md
lg

“เพซ ดีเวลลอปเมนท์” ฟุ้งยอดขายเรสซิเดนซ์ พุ่งถึง 70%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“เพซ ดีเวลลอปเมนท์” ปลื้มงานก่อสร้างอาคารมหานครคืบหน้าไปมาก เสร็จไปแล้ว 66 ชั้น จากทั้งหมด 77 ชั้น ขณะที่มียอดขายในส่วนเรสซิเดนซ์ พุ่งถึง 70% และพร้อมรับรู้รายได้เข้ามาในปลายปี 2558 นี้

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการให้บริการระดับไฮเอนด์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่งานก่อสร้างโครงการมหานคร มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยโครงการมหานคร ให้ความสำคัญต่อการก่อสร้างเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาคารหลักมีความสูงถึง 77 ชั้น หรือ 314 เมตร ซึ่งจะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ จึงต้องให้ความสำคัญต่อฐานราก และแกนโครงสร้างเพื่อความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร

“ขณะนี้แกนโครงสร้างของอาคารหลักโครงการมหานคร การก่อสร้างเสร็จกว่า 75% ตอนนี้ถึงชั้น 66 เหลืออีก 11 ชั้น และหลังจากเราเปลี่ยนกรรมสิทธิ์การถือครองของโครงการเป็น freehold ยอดขายเรสซิเดนซ์ฯ ตอนนี้ก็พุ่งแตะ 70% ซึ่งยอดขายนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 58นี้” นายสรพจน์ กล่าว

ทั้งนี้ โครงการมหานคร เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ รูปแบบมิกซ์-ยูส ประกอบด้วย ห้องชุดพักอาศัย เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก จำนวน 200 ห้อง ราคาขายตั้งแต่ 45-300 ล้านบาท และบูทีคโฮเต็ล เดอะ บางกอกเอดิชั่นจำนวน 159 ห้อง นอกจากนี้ ยังมีมหานคร คิวบ์ อาคารไลฟ์สไตล์ รีเทล เซ็นเตอร์ ขนาด 7 ชั้น ที่เน้นบริการด้านร้านอาหาร และสกาย ออบเซอเวชัน เด็ค (Sky Observation Deck) ซึ่งจะเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ

นายสรพจน์ กล่าวว่า เดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานคร ล่าสุดมียอดขายแล้วถึง 70% ของจำนวนห้องทั้งหมด โดยนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศให้การตอบรับดีมาก หลังจากผู้ซื้อได้ถือครองกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (ฟรีโฮดล์) ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่บริษัทจะขายในรูปแบบการเช่าระยะยาว (ลีสโฮลด์) ทำให้ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการที่กำลังจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ

สำหรับโครงการมหานคร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 9 ไร่ ใจกลางศูนย์กลางธุรกิจติดกับสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เชื่อมโยงระหว่างถนนสีลม และสาทร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มหานคร คิวบ์ ซึ่งเปิดให้บริการไปแล้วเมื่อปลายปี 2556 และส่วนมี่สอง เป็นในส่วนของที่พักอาศัย โรงแรม และอื่นๆ ที่จะทยอยเสร็จตามมาเป็นลำดับ ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันของ PACE ได้แก่ มหานคร มหาสมุทร และหลังสวน จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจรีเทล หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าซื้อแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ระดับโลกอย่าง “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ในมูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 4.55 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุนให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่มั่นคง และสามารถนำมาเสริมธุรกิจหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์ และยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าระดับบนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพระดับโลกของเพซอีกด้วย

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เริ่มดูแลหุ้น PACE ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นในปี 2558 และกำไรน่าจะเร่งตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี 2559

บล.เคจีไอฯ ระบุว่า โครงการมหานคร เป็นโครงการหลักของ PACE ในปัจจุบัน ซึ่งจากยอดพรีเซล 70% ของคอนโดมิเนียมที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมหานครนั้น คาดว่า backlog จำนวน 9,135 ล้านบาท จะช่วยเสริมรายได้ของบริษัทในปี 2558 ประมาณ 2,700 ล้านบาท แต่จะเพิ่มรายได้ในปี 2559 มากถึงประมาณ 6,000 ล้านบาท บล.เคจีไอฯ ยังระบุว่า โครงการมหานคร ยังมีโรงแรม Bangkok Edition และมหานคร คิวบ์ อาคารรีเทล และ Sky Observation Deck ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่มากนักในปีนี้ แต่จะสร้างรายได้มากถึงประมาณ 680 ล้านบาท ในปี 2559


กำลังโหลดความคิดเห็น