xs
xsm
sm
md
lg

“หม่อมอุ๋ย” คาดโกย VAT Q1/58 กว่า 3.9 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ
รองนายก เผยอานิสงส์น้ำมันถูกช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการทั้งภาคอุตฯ และภาคเกษตร ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มมากขึ้น คาดจะสามารถเก็บ VAT ไตรมาส 1/2558 ได้ไม่ต่ำกว่า 39,000 ล้านบาท

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 4 /2557 ที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศทยอยปรับตัวในทิศทางบวกอย่างชัดเจน โดยพิจารณาจากตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือน เดือนมกราคมที่ผ่านมา  มีการใช้จ่ายของภาคประชาชนถึง 580,000 ล้านบาท ทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ได้ถึง 40,100 ล้านบาท เทียบจาก 2556 ซึ่งรัฐจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้อยู่ที่ 36,000 ล้านบาท ซึ่งภาษีที่รัฐเก็บเพิ่มได้นั้น มาจากปัจจัยหลัก คือ อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปใช้เพื่อการช่วยเหลือชาวสวนยางในวงเงิน 8,500 ล้านบาท

 “ตั้งแต่ไตรมาส 4/2557 ที่ผ่านมา การกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลดีต่อเนื่องตลอดจนถึงปีนี้ โดยราคาน้ำมันที่น่าจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก ต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้อนุมัติการประกอบกิจการโรงงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการอนุมัติให้เกิดโรงงานใหม่ที่เหลืออยู่อีกกว่า 2,000 แห่ง เพื่อให้เกิดการลงทุน และกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนให้หมุนเวียนในระบบมากขึ้น โดยจะพยายามใช้เงินให้ครบและลงไปในทุกภาคส่วน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น โดยไม่ให้เสียเปล่า”

ขณะที่ในส่วนของการส่งออกของไทยยอมรับว่าหนักใจเนื่องจากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ทั้งสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และยุโรป มีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีนการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง ส่งผลให้การส่งออกไทยได้รับผลกระทบ แต่ขณะนี้ตลาดส่งออกใหม่สำหรับไทยคือการค้าตามแนวชายแดน และเชื่อมั่นว่ากระทรวงพาณิชย์จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการส่งออกให้เติบโตได้ 4% ตามที่วางเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งน่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ให้เติบโตได้ถึง 4% จึงมองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่สอง
     
นอกจากนี้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น มองว่าหากอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง จะช่วยส่งผลดีเศรษฐกิจภายในประเทศ และส่งผลมายังตลาดหุ้นไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้กดดันการทำงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่ง กนง.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะตัดสินในเรื่องดังกล่าวได้ โดยการประชุม กนง.ที่ผ่านมาได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2%

อย่างไรก็ดี สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของไทยในปี 57 ติดลบถึง 4% นั้น ม.ร.ว.ปริดิยาธร กล่าวว่า การจัดตั้งโรงงงานในเดือน มิ.ย.57 จนถึงสิ้นเดือน ม.ค.58 มีการจดทะเบียนตั้งโรงงานถึง 4,200 โรงงาน และเปิดโรงงานได้แล้ว ประมาณ 2,041 โรงงาน ซึ่งถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย และเกิดการจ้างงานไปแล้ว 99,000 คน ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2,200 โรงงาน คาดว่า อีก 4-5 เดือนจะเปิดโรงงานได้และจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 62,000 คน ซึ่งจะสามารถระดมเงินลงทุนทั้งหมดได้ประมาณ 45,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น