บมจ.แพลน บี มีเดีย เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ PLANB พร้อมเผยกลยุทธ์เดินหน้าขยายพื้นที่สื่อโฆษณาด้วยสื่อที่มีนวัตกรรมสูงสุดและครบวงจรที่สุด ตั้งเป้าปี 58 ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและต่างประเทศ
นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แพลน บี มีเดีย หรือ PLANB กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายทั้งในด้านประเภท รูปแบบ ขนาด และสถานที่ติดตั้ง โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ของประเทศ ให้เข้าถึงการรับรู้ของกลุ่มผู้บริโภคมากที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการสื่อโฆษณาแบบครบวงจรตั้งแต่การเข้ามีส่วนร่วมกับแผนการตลาดกับลูกค้า รวมถึงการคิดเนื้อหาและการนำเสนอสื่อโฆษณา การสร้างเครือข่ายโฆษณา ติดตั้งและดูแลรักษาสื่อโฆษณาตลอดระยะเวลาบริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์การทำตลาดด้วยความหลากหลาย (Diversification) และนวัตกรรม (Innovation) ของสื่อโฆษณาถือเป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ มาโดยตลอดทั้งในมุมของลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของสินค้า หรือ Media Agency และนักลงทุนที่มีความสนใจลงทุนในบริษัทฯ เพราะในมุมมองของลูกค้าหรือ Media Agency นั้นการมีสื่อโฆษณาหลากหลายรูปแบบย่อมเป็นทางเลือกที่สำคัญซึ่งตอบโจทย์กับ Brand ต่างๆ ที่มีความต้องการที่จะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันออกไป โดยในมุมมองของนักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่า ธุรกิจของบริษัทฯ มีการบริหารจัดการความเสี่ยง มิให้มีการพึ่งพิงกับสัญญาเช่าพื้นที่หรือสัมปทานตัวใดตัวหนึ่งมากจนทำให้การดำเนินธุรกิจอาจมีผลกระทบในระยะยาว แต่ควรเป็นการรักษาสมดุลของพื้นที่สื่อโฆษณาและสินทรัพย์เพื่อความมั่นคงของธุรกิจให้กระจายตัวทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชนและการเสียสัมปทานพื้นที่บริหารสื่อจะต้องจำกัดกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ มิให้เป็นนัยสำคัญ
สื่อโฆษณาของบริษัทฯ สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. สื่อโฆษณาบนระบบขนส่งมวลชน (Transit Media) ที่เป็นสื่อโฆษณาภายในและภายนอกตัวรถโดยสารประจำทางปรับอากาศทั่วกรุงเทพฯ กว่า 2,500 คัน 128 เส้นทาง และสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT จำนวน 18 สถานี 19 ขบวน ทั้งในรูปแบบ Multimedia และ Static ประเภทที่ 2 คือ สื่อโฆษณากลางแจ้ง (ภาพนิ่งและดิจิตอล) Outdoor Media ได้แก่ ป้ายโฆษณาขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ทุกประเภท ในพื้นที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ตลอดจนถึงสื่อโฆษณาดิจิตอล (จอ LED) ในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักบนทางด่วนและภายนอกอาคาร ศูนย์การค้า และครอบคลุมพื้นที่ย่านธุรกิจและแหล่งชุมชน และประเภทที่ 3 คือ สื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้าทั้งภายในและภายนอกตัวอาคาร (Mall Media) ในศูนย์การค้าชั้นนำ อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เมกาบางนา, ดิจิตอลเกตเวย์ และห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลและเดอะมอลล์กรุ๊ป
“บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคต จึงเตรียมที่จะเข้าระดมทุนในบริษัทโดยคาดว่าเงินที่ได้จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 897,609,000 หุ้น ราคาพาร์ 0.10 บาท/หุ้น เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศให้มีนวัตกรรมความทันสมัยและเติบโตได้อย่างเต็มที่ เพื่อตอบรับกระแสการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอนาคตต่อไป”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2554-2556 บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 679.5 ล้านบาท ในปี 2554 เป็น 1,012.3 ล้านบาท ในปี 2555 และเป็น 1,383.1 ล้านบาท ในปี 2556 หรือเติบโต 42.7% สำหรับงวด 9 เดือน (สิ้นสุด 30 ก.ย. 57) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,001.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 999.6 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโต 0.2% รายได้รวมของบริษัทฯ เติบโตเล็กน้อยเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไทยตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2556 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปี 2557 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในปี 2557
ขณะที่ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนในการขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยมุ่งเน้นการต่อยอดจากจุดแข็งที่บริษัทฯ มีอยู่ เช่น จำกัดความเสี่ยงไม่พึ่งพิงอยู่กับสัญญาหรือสัมปทานเพียงบางอย่าง แต่ให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรระยะยาวโดยกระจายการลงทุนกับทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงลงทุนกับนวัตกรรม สร้างสื่อใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน สามารถสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยผนวกเข้ากับธุรกิจ อาทิ ป้ายจราจรอัจฉริยะ ให้มีการแสดงผลการคำนวณระยะเวลาการเดินทางโดยประมาณในป้ายรายงานสภาพการจราจรอัจฉริยะบริเวณทางพิเศษและยังมีแผนที่จะติดตั้งระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย ( Wi-Fi) บนรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของ ขสมก. เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการรถประจำทางปรับอากาศโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เป็น Gateway สู่โลก Online โดยจะแสดงการโฆษณาประชาสัมพันธ์หน้าจออุปกรณ์ที่ผู้ใช้บริการรถประจำทางปรับอากาศใช้ในการเชื่อมต่อ Wi-Fi บนรถประจำทางปรับอากาศ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ จำนวน 500 คัน ภายในเดือนธันวาคม 2558 และขยายจำนวนในปีต่อต่อไป จนครบ 1,500 คัน ซึ่งจะทำให้บริษัทแพลน บี เริ่มเข้าสู่กระบวนการปรับตัวให้เข้ากับพฤตติกรรมของผู้บริโภคที่ได้รับอิทธิพลจากโลก Online แบบเต็มรูปแบบและอาจเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 2 ล้านคนต่อวันที่ใช้รถโดยสารประจำทางเป็นการเดินทางหลักต่อวัน
“ขณะที่ภาพรวมสถานการณ์ของอุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบันที่สื่อโทรทัศน์มีการแข่งขันมากยิ่งขึ้นจากการเกิดของทีวีดิจิตอล ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือผู้โฆษณาต่างๆ มีทางเลือกมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันที่ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้สื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยกลายเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของนักการตลาดที่จะใช้ในการสื่อสารทางการตลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และตอบโจทย์ด้านวัตถุประสงค์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในอนาคตทางบริษัทฯ จะขยายการลงทุนเพิ่มทั้งในประเทศที่หัวเมืองใหญ่จากที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน (เมืองพัทยา จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สุราษฎร์ เกาะสมุย) และในต่างประเทศโดยกลุ่ม EMTEK ซึ่งเป็น Strategic Shareholder และเป็นยักษ์ใหญ่ของผู้ประกอบการ Free-to-Air TV และผู้ผลิต content รายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซียที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) กว่า 100,000 ล้านบาท ได้เริ่มติดต่อและพูดคุยกับผู้ประกอบการในสื่อ Out-of-Home Media ในโซน AEC มากมายโดยจะให้ Plan B เป็นผู้ดำเนินการขยายธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านต่อไป”