กูรูมองราคาทองปี 58 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,040-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะกลยุทธ์เข้าซื้อช่วงขาลง จับจังหวะลงทุนทำกำไรระยะสั้น ระบุนักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด ทิศทางราคาน้ำมันยังคงกดดันความเคลื่อนไหวราคาทองทั้งปี
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คาดการณ์ราคาทองคำในปี 2558 ว่า แนวโน้มของราคาเป็นลักษณะ sideway down เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานนั้นค่อนข้างกดดันราคาทองคำ โดยเฉพาะประเด็นนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันซึ่งกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทุน SPDR ได้ลดการถือครองทองคำลงเป็นจุดต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี แสดงถึงมุมมองที่ไม่สดใสของราคาทองคำ เนื่องจากปัจจัยที่กล่าวข้างต้นเป็นประเด็นสำคัญที่จะกดดันราคาทองคำต่อไปได้
“คาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงกลางปี 2558 โดยปัจจุบันเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่ 0.25% มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2551 นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์อย่างต่อเนื่องได้กดดันราคาทองคำมาตลอด ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวได้ฉุดราคาทองคำให้อ่อนตัวลง โดยราคาน้ำมัน Brent ได้ปรับตัวลงเกือบ 50% เมื่อเทียบจากต้นปี 2557 เนื่องจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และยุโรปส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับกำลังการผลิตนั้นไม่ปรับตัวลงตาม เนื่องจากกลุ่มโอเปกยืนยันคงกำลังการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน” นางพวรรณ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วายแอลจี คาดความเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะอยู่ในกรอบประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยประเมินกรอบล่างที่ 1,100-1,040 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 17,300-16,400 บาทต่อบาททองคำ สำหรับกรอบบนอยู่ที่ 1,350-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,300-21,900 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2558 ซึ่งเป็นแนวโน้มช่วงขาลงนั้น นางพวรรณ์ แนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรตามกรอบแนวรับ-แนวต้านของราคาทองคำ ประกอบกับติดตามปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในช่วงนั้นๆ และเนื่องจากราคาทองคำเริ่มผันผวนมากขึ้น จำเป็นต้องตั้งจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ขณะที่นักลงทุนระยะยาวแนะนำเก็บทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวเข้าใกล้บริเวณ 1,100-1,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ แนวโน้มดอลลาร์ที่แข็งค่าย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถผลักดันราคาทองคำในประเทศได้เช่นกัน
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คาดการณ์ราคาทองคำในปี 2558 ว่า แนวโน้มของราคาเป็นลักษณะ sideway down เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานนั้นค่อนข้างกดดันราคาทองคำ โดยเฉพาะประเด็นนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันซึ่งกดดันราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กองทุน SPDR ได้ลดการถือครองทองคำลงเป็นจุดต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี แสดงถึงมุมมองที่ไม่สดใสของราคาทองคำ เนื่องจากปัจจัยที่กล่าวข้างต้นเป็นประเด็นสำคัญที่จะกดดันราคาทองคำต่อไปได้
“คาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงกลางปี 2558 โดยปัจจุบันเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำที่ 0.25% มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2551 นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์อย่างต่อเนื่องได้กดดันราคาทองคำมาตลอด ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวได้ฉุดราคาทองคำให้อ่อนตัวลง โดยราคาน้ำมัน Brent ได้ปรับตัวลงเกือบ 50% เมื่อเทียบจากต้นปี 2557 เนื่องจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และยุโรปส่งผลต่ออุปสงค์ของน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับกำลังการผลิตนั้นไม่ปรับตัวลงตาม เนื่องจากกลุ่มโอเปกยืนยันคงกำลังการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน” นางพวรรณ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วายแอลจี คาดความเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะอยู่ในกรอบประมาณ 300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยประเมินกรอบล่างที่ 1,100-1,040 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 17,300-16,400 บาทต่อบาททองคำ สำหรับกรอบบนอยู่ที่ 1,350-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,300-21,900 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2558 ซึ่งเป็นแนวโน้มช่วงขาลงนั้น นางพวรรณ์ แนะนำให้นักลงทุนเน้นลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรตามกรอบแนวรับ-แนวต้านของราคาทองคำ ประกอบกับติดตามปัจจัยพื้นฐานที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในช่วงนั้นๆ และเนื่องจากราคาทองคำเริ่มผันผวนมากขึ้น จำเป็นต้องตั้งจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ขณะที่นักลงทุนระยะยาวแนะนำเก็บทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวเข้าใกล้บริเวณ 1,100-1,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ แนวโน้มดอลลาร์ที่แข็งค่าย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถผลักดันราคาทองคำในประเทศได้เช่นกัน
