xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ดัชนีหุ้นไทย 2 วันทำการสุดท้ายของปีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บล.เอเซีย พลัส มองดัชนีหุ้นไทย 2 วันทำการสุดท้ายของปีผันผวนกรอบแคบ แนะโอกาสเหมาะต้นปีลุยซื้อหุ้นพื้นฐานดีราคาต่ำเข้าพอร์ต

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าว่า ยังแกว่งตัวในกรอบแคบอิงทางลง เนื่องจากใกล้วันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ตลาดหุ้นเหลือเวลาทำการเพียงแค่ 2 วัน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะความกังวลต่อวิกฤติเศรษฐกิจรัสเซีย และราคาน้ำมันโลกที่ไร้เสถียรภาพ

นอกจากนี้ ยังมองว่าดัชนีอาจจะเผชิญแรงขายทำกำไรจากบรรดากองทุนรวมแอลทีเอฟที่เข้าซื้อหุ้นไว้เมื่อปี 2554 ซึ่งหากมีแรงเทขายออกมาจริง เปิดทำการซื้อขายช่วงสัปดาห์แรกของปีหน้า ดัชนีอาจปรับตัวลงไปที่ 1,480-1,460 จุดได้ หรืออาจจะลึกกว่านั้น แต่ก็ต้องมาดูว่ามีปัจจัยพื้นฐานมารองรับมากน้อยเพียงใด หากมีปัจจัยพื้นฐานมารองรับพอก็จะมีแรงซื้อกลับเช่นกัน

กลยุทธ์สำหรับคนมีหุ้น หากมีกำไร แนะขายทำกำไรออกไปก่อน ส่วนคนที่ขาดทุน แนะถือต่อข้ามปี ส่วนคนที่ไม่มีหุ้น แนะถือเงินสด โดยประเมินแนวรับ 1,500-1,495 จุด แนวต้าน 1,515-1,520 จุด

ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.ฟิลลิป ระบุว่า ในช่วงต้นปียังต้องระวังแรงขายแอลทีเอฟ โดยคาดว่าแรงขายตลอดช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2558 จะมีอยู่ราว 1.6 หมื่นล้านบาท และอาจเห็นในเดือน ม.ค. ราว 4-8 พันล้านบาท

ทั้งนี้ กลยุทธ์ระยะสั้นเน้นทยอยขายหุ้นในช่วงดีดตัว และเพื่อถือเงินสด รอจังหวะลงทุนใหม่ในปีหน้า โดยอาจหันมาทยอยซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอในช่วงอ่อนตัว หลังจากการศึกษาพบว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีในทุกภาวะตลาด โดยปีที่แล้วหุ้นกลุ่มนี้สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยชนะตลาดได้ราว 7%

ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า 2 วันทำการสุดท้ายของปี คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) คงผันผวนในกรอบแคบ ขณะที่ช่วงต้นปีอาจผันผวนจากผลกระทบเรื่องการขายคืน LTF ทั้งนี้ สิ้น ต.ค. 2557 กองทุน LTF มีจำนวนทั้งสิ้น 53 กอง NAV 2.51 แสนล้านบาท

ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ต้นปี 2558 จะมี LTF ที่ถือครอง 5 ปี ปฏิทินขึ้นไป ซึ่งสามารถขายได้โดยได้รับสิทธิทางภาษีมูลค่าประมาณ 1.41 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 78% เทียบกับต้นปี 2557 โดยข้อมูลในอดีตชี้ว่า นักลงทุนจะมีการขายคืนหน่วยลงทุนเฉลี่ยมูลค่าประมาณ 33% ของมูลค่าที่สามารถขายได้ โดยได้สิทธิทางภาษี หรือประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากองทุนรวมจะต้องขายหุ้นออกมาในตลาดตามจำนวนดังกล่าว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมของกองทุนในการดำรงสถานะเงินสดสำรองไว้ในช่วงต้นปี 2558

อย่างไรก็ตาม หาก SET ย่อลงด้วยเหตุผลดังกล่าว นักลงทุนก็ควรถือเป็นโอกาสในการทยอยซื้อหุ้นที่พื้นฐานดี Dividend Yield สูง เข้าพอร์ตการลงทุน เพราะที่ระดับดัชนีประมาณ 1,500 จุด จะให้ค่า PER ณ สิ้นปี 2558 เพียง 14.5 เท่า บนสมมุติฐาน EPS Growth ปี 2558 ที่ 16.78%
กำลังโหลดความคิดเห็น