ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยคาดการณ์ 6 เดือนแรกปี 2558 ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวนสูงจากปัจจัยต่างประเทศที่เข้ามากระทบ แนะนักลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ชี้หลายอุตฯของ บจ.ไทย ได้รับอานิสงส์ดีจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ช่วยลดต้นทุน ขณะที่มาตรการสกัดหุ้นร้อนเริ่มบังคับใช้ 5 มกราคม ช่วยปกป้องนักลงทุนรายย่อย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีแรกของปี 2558 คาดว่าจะยังมีความผันผวนรุนแรงจากปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ หรือ QE ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะยกเลิกในปีหน้า และการปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่จะส่งผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก ตลอดถึงปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
“นักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยพิจารณาจากภาพรวมบริษัทจดทะเบียนของไทยยังมีความแข็งแกร่ง และได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากราคาน้ำมันลดลง ช่วยประหยัดต้นทุนในหลายอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน ให้ติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด และอย่าหลงเชื่อข่าวลือที่ปราศจากข้อเท็จจริงอย่างเด็ดขาด”
อย่างไรก็ดี ในปีหน้า ตลท.มีแผนที่จะเน้นการนำเสนอข้อมูลการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย (โรดโชว์) ในตลาดสำคัญหลักๆ ได้แก่ นิวยอร์ก ลอนดอน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ อีกทั้งจะมองหากลุ่มนักลงทุนจากตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากที่มีอยู่เดิม ได้แก่ กลุ่มนักลงทุนจากประเทศจีนและตะวันออกกลาง โดยจะใช้วิธีการเข้าไปติดต่อกับกลุ่มผู้ลงทุนตนเอง (Knock door) และจะมีการนำกองทุนของไทย เช่น ETF ไปนำเสนอให้นักลงทุนต่างชาติอีกด้วย
ขณะเดียวกัน การเตรียมประกาศใช้มาตรการสกัดหุ้นร้อนของ ตลท.ในวันที่ 5 มกราคม 2558 คาดว่าจะไม่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการปกป้องนักลงทุนรายย่อยไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการเข้าซื้อขายหุ้นบางตัวที่มีราคา และปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้น และลดลงอย่างผิดปกติ ขณะที่เกณฑ์การพิจารณาที่ ตลท. จะหยุดทำการซื้อขายชั่วคราว หรือ Halt นั้นเป็นเกณฑ์ที่พิจารณาในมาตรการสกัดหุ้นร้อนเดียวกันที่ได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
“แผนเพิ่มเติมในมาตรการควบคุมการซื้อขายหุ้นที่มีความร้อนแรงนั้น ในรายละเอียดที่ส่งให้แก่ ก.ล.ต.ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าสามารถพักการซื้อขายชั่วคราวได้หากหุ้นที่มีราคาและปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวสูงขึ้น และลดลงอย่างผิดปกติอย่างมาก เพื่อให้นักลงทุนได้มีเวลาพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบจากข้อมูลในหลายๆด้าน เพื่อป้องกันให้นักลงทุนไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย และไม่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนอย่างแน่นอน”