“ตลท.-สมาคมโบรกฯ” ยืนยันไม่พบการจงใจทุบหุ้น วอนฝ่าย กม. จัดการผู้ปล่อยข่าวลือ

“ตลท.-สมาคมโบรกฯ” ยืนยันไม่พบการจงใจทุบหุ้น “เกศรา” เตือนนักลงทุนอย่าเชื่อข่าวลือที่ส่งต่อกันผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมระบุ “ตลท.” ไม่สามารถเอาผิดต่อผู้ปล่อยข่าวลือได้ เนื่องจากตามอำนาจ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ให้อำนาจดูแลตรวจสอบบริษัทสมาชิก ส่วนกรณีข่าวลือขอให้หน่วยงานด้าน กม. เร่งดำเนินการ “ภัทธีรา” ยอมรับเป็นเหตุการณ์ที่ตื่นตระหนก

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวยืนยันว่า ตลท.ไม่พบความผิดปกติการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้นเมื่อวานนี้ และไม่พบการจงใจที่จะสร้างความผิดปกติ หรือทุบหุ้น แม้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดหุ้นไทยดีดกลับอย่างรวดเร็วในช่วงท้ายตลาด หลังจากร่วงลงถึงเกือบ 140 จุด พร้อมยืนยันว่า ตลท. มีทีมงานติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทุกวัน และมีระบบการดูแลการซื้อขายที่ดี

ทั้งนี้ ตลท.ได้รายงานสถานการณ์ต่อผู้กำกับดูแลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งตลาดทุน และตลาดเงิน เพื่อประสานข้อมูลร่วมกัน และเห็นว่าการที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวเร็วเนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงมากจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงทำให้มีนักลงทุนในประเทศเข้าซื้อ เพราะมองว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มต่างๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มน้ำมันยังมีผลประกอบการดี แต่ยอมรับว่านักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตการลงทุนทั่วโลก ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น

นางเกศรา กล่าวด้วยว่า ตลท.ไม่สามารถเอาผิดต่อผู้ปล่อยข่าวลือได้ เนื่องจากตามอำนาจ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ให้อำนาจดูแลตรวจสอบบริษัทสมาชิก กรณีข่าวลือขอให้หน่วยงานกฎหมายดำเนินการ

ด้าน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายหุ้นวานนี้ไม่พบความผิดปกติในการซื้อขายของบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (พอร์ต บล.) และไม่พบว่าพอร์ต บล.มีคำสั่งขายล่วงหน้าแต่อย่างใด

นอกจากนี้ มีนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ถูกบังคับขาย (force sell) เพราะราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรง และมีนักลงทุนบางรายถูกวางหลักประกันเพิ่ม แต่มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากราคาหุ้นดีดตัวขึ้นค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยอมรับว่านักลงทุนตื่นตระหนก ทำให้มีแรงขายออกมามาก ประกอบกับนักลงทุนหวั่นไหวอยู่แล้ว กังวลราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแรง จึงทำให้มีแรงขายออกมาอย่างหนัก

พร้อมกันนี้ ยังคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ดังนั้น นักลงทุนควรชะลอลงทุน และติดตามสถานการณ์ เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยอย่าเชื่อข่าวลือที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะข่าวที่ไม่มีที่มาที่ไป และข่าวลือที่ส่งต่อกันผ่านโซเชียลมีเดีย