หัวหน้าพรรคคนไทย ฉะ “สมหมาย” ปล่อยแก๊งทุบหุ้นสร้างความเสียหาย ระบุไม่ใช่ครั้งแรกในยุค คสช. ปูด “ขาใหญ่-โบรกเกอร” รู้กัน ตักตวงผลประโยชน์จากข่าวปล่อย ผู้ที่ซวยคือแมงเม่า จี้ตั้งคนนอกเป็น กก.สอบข้อเท็จจริง พร้อมเฉ่ง ตลท.เฉยมาตลอด ชี้ช่องสลัดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ให้ “ประยุทธ์” ดันเกษตรกรรมนำภาคอุตฯ
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงดัชนีการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกิดภาวะผันผวนอย่างหนักและปรับตัวลดลงไปมากกว่า 100 จุดว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดกับตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา คงเป็นไปตามที่นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ระบุว่ามีไอ้โม่งทำให้หุ้นตกเพื่อช้อนซื้อในราคาต่ำ หรือภาษาในวงการเรียกว่าการทุบหุ้น แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ เพราะเมื่อช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาก็เกิดมีการทุบหุ้นในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว จึงอยากถามว่า เหตุใดรัฐบาลและกระทรวงคลังจึงปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่สำคัญเป็นมาตลอดทุกรัฐบาล รวมทั้งผู้บริหารกระทรวงการคลังและ ตลท.ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องเช่นนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนก็หนีไม่พ้นบรรดานักลงทุนรายย่อยที่ถูกรังแกอย่างเป็นธรรม
“เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาก็มีการทุบหุ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ต้องให้ รมว.คลังกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และขอถามว่าทำไมปล่อยให้เกิดขึ้นอีก ปล่อยให้พวกขาใหญ่และโบรกเกอร์ทั้งหลายแสวงผลประโยชน์จากสถานการณ์ข่าวลือของหุ้นในแต่ละตัว ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติชัดเจน ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็นเป็นใจคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ เลยก็เป็นพวกนักลงทุนรายย่อยหรือที่เรียกกันว่าแมงเม่าทั้งหลาย ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนบางกลุ่มมานาน”
นายอุเทนเสนอด้วยว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องทำเรื่องนี้ให้ความกระจ่างต่อสังคม เพราะถือเป็นหนึ่งในการทุจริตคอร์รัปชันที่ร้ายแรง โดยรัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องการปั่นหรือทุบหุ้นครั้งนี้ว่า นักลงทุนรายใหญ่และโบรกเกอร์ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการแสวงหาประโยชน์จากช่องโหว่ของ ตลท. ที่สำคัญควรจะให้บุคคลที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ควรเป็นคนของรัฐบาลเอง โดยเฉพาะคนของ ตลท.ที่ไม่เคยสนใจที่จะตรวจสอบความผิดปกติใดๆ เลย ทั้งที่ ตลท.มีกลไกและเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ได้อยู่แล้ว หรือหากไม่มีใครกล้าทำ ตนจะขออาสาเข้าตรวจสอบให้เอง
“เรื่องนี้ก็จะเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเอาจริงกับการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างจริงจังหรือไม่ และจะเป็นการคืนความสุขให้แก่คนไทยจริงๆ หากสามารถทำให้เกิดความชอบธรรมได้ เพราะต้องถือว่าตลอด 6 เดือนกว่าที่ คสช.เข้ามายังไม่ผลงานใดเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งที่มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ แต่กลับฟังแต่คนหน้าเดิม ทำให้มีแนวคิดเก่าๆ จึงแก้ปัญหาต่างๆไม่ได้ ทั้งที่ควรใช้อำนาจที่มีอยู่ขจัดความไม่ชอบธรรมในสังคมออกไปให้ได้”
นายอุเทนยังกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วยว่า วิกฤตเศรษฐกิจของโลกแทบทุกครั้ง เกิดมาจากภาคอุตสาหกรรม ทั้งค่าเงิน ดอกเบี้ย หนี้สิน สภาวะแปรปรวนของตลาดหุ้น และภาวะการใช้พลังงานเชื้อเพลิงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหตุใดประเทศไทยจึงต้องนำตัวเองไปผูกกับวิกฤตทุกครั้ง ทั้งที่ควรถอยห่างออกมา และใช้สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นใจ เกิดหน้าภาคกสิกรรมเพื่อเป็นแหล่งอาหารโลกอย่างแท้จริง พล.อ.ประยุทธ์ เองก็มักเน้นย้ำถึงปรัชญาหลักเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เสมอ จึงควรคิดและทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ นอกเหนือจากเน้นย้ำให้ประชาชนต้องรู้จักการออม รู้จักประหยัด รู้จักใช้สอยแล้ว ก็ต้องหันมาเสริมสร้างคุณภาพการผลิตด้านเกษตรกรรมให้เป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอย่างจริงจัง โดยใช้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยเป็นจุดขาย หรือสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวในทุกระดับ
“รัฐบาลต้องไม่เดินหลงทางอีกต่อไป ต้องลดความเจริญเฉพาะด้านอุตสาหกรรม และกลับมาสนับสนุนเติมเต็มทางด้านเกษตรกรรม และมุ่งการท่องเที่ยว เพื่อลดการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการก่อสร้างลง แต่ควรเพิ่มศักยภาพสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด เพราะเราเป็นประเทศกสิกรรม ต้องไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง”
