“ซีบี ริชาร์ด” เชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจปี 58 สดใส ประกอบกับการท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ หนุนให้คอนโดมิเนียมระดับบนมีแนวโน้มเติบโต แจงผลงานครึ่งปีแรกปิดการคอนโดฯ รวม 1,644 หน่วย ยอดขาย 14,350 ล้านบาท พร้อมวางเป้าอัตราเติบโตปีหน้า 25% มูลค่าการขาย 18,000-20,000 ล้านบาท
น.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้ตัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในปี 2558 จะมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม และความสงบทางการเมือง ตลอดจนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป เป็นปัจจัยสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะยังคงเป็นชาวไทยที่มีกำลังซื้อสูง ปัจจัยสำคัญสนับสนุนการซื้อคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ก็คือการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของครัวเรือนที่มีขนาดเล็กลง ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้นสำหรับประชากรทุกวัย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้ชีวิตที่เข้าสู่สังคมเมืองมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าการขยายตัวของการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และความสนใจในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศจะสูงขึ้นในปีหน้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยบวกของตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซีบีอาร์อี นำโครงการ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ แอท ไอคอนสยาม ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง โดยปิดการขายได้กว่า 400 ล้านบาทในเวลา 2 วัน
“ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา อุปทานของคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี และระดับบนอยู่ในระดับต่ำมาก โดยเฉพาะในปี 2557 มีการเปิดตัวน้อยมาก ทำให้การเปิดตัวส่วนใหญ่จะเลื่อนมาในปี 2558 ซึ่งจะเป็นปีที่มีโอกาสสำหรับคอนโดมิเนียมระดับบน และแม้จะมีความท้าทายในแง่ของจำนวนโครงการที่จะออกมา และการแข่งขัน ผู้พัฒนาโครงการจะต้องเข้าใจในทำเล และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะต่อสินค้าที่จะพัฒนาจะต้องสอดคล้องกัน ไม่ใช่ทุกทำเลที่จะพัฒนาสินค้าระดับบนได้ เนื่องจากราคาที่ดินใจกลางเมือง ปัจจุบันมีราคากว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้าจะมีการเปิดตัวในราคาเริ่มต้น 250,000-300,000 แสนบาทต่อตารางเมตร”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 57 นั้น น.ส.อลิวัสสา กล่าวว่า แม้ตลาดจะประสบภาวะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 การซื้อขายเริ่มกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยในปี 2557 ซีบีอาร์อี ปิดการขายคอนโดมิเนียมรวม 1,644 หน่วย คิดเป็นยอดขายทั้งสิ้น 14,350 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการในกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เขาใหญ่ และภูเก็ต โดยมีมูลค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.75 ล้านบาทต่อหน่วย เป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเจริญเติบโตในปี 2558 อยู่ที่ 25% โดยคาดว่ามูลค่าการขายในปีหน้าจะอยู่ที่ 18,000-20,000 ล้านบาท
โดยในปี 2558 ซีบีอาร์อี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนขายอย่างเป็นทางการแล้ว 9 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท โครงการที่เป็นไฮไลต์ของปีหน้าคือ โครงการคอนโดมิเนียม 53 ชั้น บนที่ดินกรรมสิทธิ์ถาวรถนนหลังสวน ใกล้กับสวนลุมพินี และโครงการคอนโดมิเนียม 33 ชั้น บนทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านทองหล่อ ที่พิถีพิถันในการออกแบบ และเน้นยูนิตขนาดใหญ่เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่เอง และเพื่อการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบโลว์ไรซ์ ได้แก่ โครงการ คลาส สารสิน-ราชดำริ และคลาส สยาม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และโครงการพอยท์ ยามู โดย โคโม ซึ่งเป็นวิลลาระดับลักซ์ชัวรีที่บริหารโดยโรงแรมห้าดาวในจังหวัดภูเก็ต
“”ในปี 58 ซีบีอาร์อี จะขยายตลาดไปยังกลุ่มบ้านเดี่ยวใจกลางเมือง โดยมีโครงการนำร่อง คือ พาร์ค พรีวา ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนศูนย์วัฒนธรรม จุดเชื่อมต่อระหว่างถนนรัชดาภิเษก และพระราม 9 ซึ่งจัดว่าเป็นทำเลทองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และยังมีโครงการ ควอเตอร์ 31 บริเวณสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นโครงการบ้านระดับเอ็กคลูซีฟใจกลางสุขุมวิท ซึ่งรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ชอบความเป็นส่วนตัว และเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มที่ไม่ต้องการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม”
นอกจากนี้ ซีบีอาร์อี ยังขยายบริการครอบคลุมทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ โดยในปีหน้าจะมีโครงการ เดอะ พอร์ช ทเวล์ฟ ของกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นกลุ่มรายได้ระดับกลางที่ต้องการสินค้าที่เน้นเรื่องการออกแบบอย่างมีสไตล์ และมีคุณภาพสูง
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทสามารถบริหารงานขายคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เขาใหญ่ และภูเก็ต รวม 1,644 ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 14,350 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 25% และคาดว่าจะมีมูลค่าการขายประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท