xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ กำไรตลาดปีหน้าลงจากเดิมราว 3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส เตรียมตัดกำไรตลาดปีหน้าลงจากเดิมราว 3% หลังราคาน้ำมันดิบโลกไหลลงต่อเนื่อง จนหลุด 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลงแล้วกว่า 51%  ในช่วงเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาผลผลิตปิโตรเลียมโลกที่เกินความต้องการ โดยที่ผู้ผลิตหลักๆ ทั้ง OPEC และ non-OPEC  โดยเฉพาะรัสเซีย ต่างสงวนท่าทีที่จะลดปริมาณการผลิต เพราะล้วนเป็นผู้ที่มีรายได้หลักมาจากน้ำมัน ขณะที่สหรัฐฯ เองสามารถผลิตปิโตรเลียม ภายใต้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ  “Oil Sand/Shell Gas” ออกสู่ตลาด
กำลังการผลิตที่มากเกินความต้องการใช้พลังงานในโลกที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวทั้งสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน แต่อย่างไรก็ตาม ระดับราคาน้ำมันดิบปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าต้นทุนของผู้ผลิตในกลุ่ม Non-OPEC  ซึ่งตกราว 70-80 เหรียญต่อบาร์เรล เทียบกับต้นทุนของผู้ผลิตในกลุ่ม OPEC ที่ราว 40-50 เหรียญฯ ทำให้คาดว่าผู้ผลิตปิโตรเลียมรายหลักๆ ของโลก อาจจะต้องปรับแผนการผลิตใหม่เพื่อความอยู่รอดในระยะยาว จึงคาดว่าระดับราคาน้ำมันปัจจุบันน่าจะใกล้จุดต่ำสุด สะท้อนจากที่ผู้ผลิตรายสำคัญๆ ของโลกในฝั่ง OPEC แสดงความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ น่าจะทรงตัวในระดับ 65 เหรียญต่อบาร์เรล ไปอย่างน้อยในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2558 และหลังจากนี้ น่าจะฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับเกิน 80 เหรียญฯ ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2558  ด้วยความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มฟื้นตัว 

เพื่อสะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้นักวิเคราะห์ ASP เตรียมปรับลดราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวตั้งแต่ปี 2558 ลงเหลือ  75 เหรียญต่อบาร์เรล จากเดิม 90 เหรียญฯ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อผลการดำเนินงานของหุ้นปิโตรเลียมขั้นต้น อย่างเช่น PTTEP และ PTT และ โรงกลั่นอย่างเช่น TOP, BCP, PTTGC รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจถ่านหิน เช่น BANPU, LANNA ซึ่งอาจจะต้องมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของราคาน้ำมัน โดยคาดว่ากำไรน่าจะหายไปราว 3 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ได้รับชดเชยเล็กน้อยจากกลุ่มขนส่งที่ฝ่ายวิเคราะห์ปรับบทวิเคราะห์ปี 2558 ขึ้นจากเดิมราว 2.352 พันล้านบาท (จาก THAI 971 ล้านบาท AAV 303 ล้านบาท และ AOT 1,070 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ประมาณการกำไรตลาดปี 2558  ที่ผ่านมาประมาณ 9.71 แสนล้านบาท จะลดลงราว 2.9% เหลือ 9.43 แสนล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ลดลงจากเดิม 106.57 บาท เหลือ ราว 103.40 บาท นั่นหมายความว่า EPS Growth ตลาดในปี 2558 จะอยู่ที่ระดับ 12.7% เท่านั้น และทำให้มีค่า Expected P/E ปี 2558 อยู่ที่ระดับ 14.8 เท่า แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลดลงมาเกือบ 74 จุด และลงมาที่ระดับ 1,526 จุด ลดลงจากปี 2557 ราว 17 เท่าแล้วก็ตาม   แม้ยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน เช่น อินเดีย 14.6 เท่า และอินโดนีเซีย 14.7 เท่า มาเลเซีย 15 เท่า  แต่ยังต่ำกว่าฟิลิปปินส์ที่ 17.4 เท่า  และจีน 10.8 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นไทยโอกาสการปรับฐานยังมีอยู่  

RCL, AAV มี upside จากน้ำมันขาลงมากสุด :  กลุ่มขนส่งทางอากาศ น่าจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาลงมากสุด  เพราะใช้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มขนส่ง ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2558-59  ขึ้นจากเดิมเฉลี่ยปีละ 9.5% โดยเป็นการปรับเพิ่มของ 2 สายการบินหลัก คือ AAV (เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 37% กำไรใหม่ในปี 2558 จะอยู่ที่  1.45 พันล้านบาท  และ  1.9 พันล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้น 310%  และ 32% จากปี 2557 และ  2558)  และ THAI  คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 78% โดยผลการดำเนินงานปี 2558 จะพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร 2.6 พันล้านบาท  และ  4.7 พัน ล้านบาทในปี 2559  เพิ่มขึ้น  134% จากปี 2558 (โดยกำหนดสมมติฐานอื่น ๆ เช่นเดิม เช่น Loading factor  ของ AAV  และ THAI ยังคงเดิมที่  81% และ 71.5%)  จึงยังคงเลือก  AAV เป็น Top Pick  มูลค่าพื้นฐานใหม่ในปี 2558 อยู่ที่ 6.0 บาท  มี Upside 26.5%  

กลุ่มเดินเรือคอนเทนเนอร์ หุ้น RCLได้ประโยชน์มากสุดในกลุ่มเดินเรือ เพราะเป็นผู้ให้บริการบรรทุกสินค้า (อุปโภคบริโภค) ประจำเส้นทาง เป็นผู้รับต้นทุนน้ำมันไว้เองทั้งหมด  ซึ่งต้นทุนน้ำมันมีสัดส่วนราว 20% ของต้นทุนรวม  แต่มีการซื้อสัญญาน้ำมันล่วงหน้าไว้เพียง 25% ของปริมาณขนส่งเท่านั้น ทำให้ภาระต้นทุนน้ำมันลดลงชัดเจนตั้งแต่ 4Q57  แม้ว่ารายได้ค่าระวางเฉลี่ยต่อตู้ มีแนวโน้มทรงตัวจากงวด 3Q57  (จากปริมาณขนส่งสินค้างวด 4Q57 จะชะลอตัวจากงวด 3Q57  ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกก็ตาม แต่ได้รับชดเชยจากดัชนี Howe Robinson ซึ่งเป็นดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่  545 จุด เทียบกับ 542 จุด ในงวด 3Q57) โดยรวมทำให้กำไรจะดีกว่าประมาณการของ ASP ตั้งแต่งวด 4Q57 เป็นต้นไป แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังยึดหลักความระมัดระวัง คงประมาณการเดิม  คือ จะมีกำไรสุทธิปี 2557 อยู่ที่ 226 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุนในปีก่อน และคาดจะเพิ่มขึ้นอีกราว 59% ในปี 2558  จึงเลือก RCL(FV@B11.8)  เป็น Top pick  โดยราคาปิดวานนี้มี  Upside ถึง 38% 
กำลังโหลดความคิดเห็น