“เสนาดีเวลลอปเม้นท์” มั่นใจโค้งสุดท้ายไปได้สวย เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน ผลักดันรายได้ปี 57 เป็นไปตามเป้าหมาย 2.5 พันล้านบาท หลังตุน Backlog เกือบ 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/57 ประมาณ 1,000 ล้านบาท หลังโชว์ฟอร์มแกร่งในช่วงไตรมาส 3/57 รายได้-กำไร โตก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิพุ่งเฉียด 100% “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” ระบุเดินมาถูกทางหลังปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ เน้นความยืดหยุ่น เปรียบเสมือน “กางเกงยางยืด” พร้อมรับมือสถานการณ์การเมือง-เศรษฐกิจ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/57 ว่า คาดว่ารายได้ และกำไรจะโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/57 ที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วงไตรมาส 3/57 บริษัท มีรายได้รวม 688.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199.29 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% และกำไรสุทธิ 120.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 99% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
“แนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/57 คาดว่ารายได้ และกำไรจะโตต่อเนื่อง เพราะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน ทำให้มั่นใจว่ารายได้ของเราในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 2,500 ล้านบาท เพราะ ณ สิ้นไตรมาส 3/57 บริษัทมี Backlog เกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ที่สามารถรับรู้ได้ในไตรมาส 4/57 กว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในปีหน้า” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้ยอดโอน ประกอบด้วย โครงการ The Niche ID พระราม 2, โครงการ The Niche MONO บางนา, โครงการ The kith ติวานนท์, โครงการ The Kith นวมินทร์, โครงการ The kith ลำลูกกาคลอง 2, โครงการ SENA Park Grand และโครงการ SENA Ville
ล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา SENA ได้เปิดตัวโครงการเสนาทาวน์ รามอินทรา ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น แนวคิดเพื่ออนาคต ที่สามารถปรับเปลี่ยน Function ได้ ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้าน โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 150 ล้านบาท
กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ถือว่าเป็นไปเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ และเป็นปีแห่งการจัดระเบียบเพื่อพัฒนาคุณภาพของบริษัทโดยพัฒนาธุรกิจใหม่ในการผลิตทาวน์เฮาส์แบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และเหมาะสมต่อสภาวะตลาด อีกทั้งมีการนำระบบการผลิตแบบ Pre-Cast มาใช้ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟ (Solar Rooftop) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นรายได้สม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ยังเน้นกลยุทธ์ความยืดหยุ่น (Flexibility) เปรียบเสมือน “กางเกงยางยืด” เพื่อสอดรับต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการเมือง