ประธานบอร์ด TSE เผยเจรจาเตรียมทำโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น 2-3 โรง คาดสามารถสรุปได้อย่างน้อย 1 โรงภายในปลายปีนี้ ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์ รอศึกษารายละเอียดที่ชัดเจนในการแสวงหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมลงทุน
นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น 2-3 โครงการ กำลังการผลิต 15-20 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้ ส่วนโครงการในประเทศฟิลิปปินส์ อยู่ในช่วงของการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ เนื่องจากโครงสร้างทางการเมืองแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่น และใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานไฟฟ้า (PPA) มีความแตกต่างกัน ตลอดจนถึงการแสวงหาพันธมิตรในการเข้าร่วมทุนที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้บริษัทมีความเสี่ยงที่ลดลง โดยเงินทุนที่จะใช้ในการเข้าไปทำโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์นั้น จะเป็นเงินทุนของบริษัท 20% ส่วนที่เหลือจะใช้เงินกู้จากสถาบันและจากพันมิตรที่เข้าร่วมลงทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสที่ 4 จะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูหนาวและเป็นช่วงเทศกาลที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง อีกทั้งบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มเข้ามาจากโรงไฟฟ้าโซลารูฟที่แล้วเสร็จและเริ่มขายไฟฟ้าได้แล้ว เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 5,900 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 99 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มจำนวน 10 โรง กำลังผลิตรวม 85 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) อีก 14 แห่ง รวม 14 เมกะวัตต์ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากงานที่ค้างท่ออยู่ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้ในปีหน้า อีกทั้งยังมีในส่วนของโครงการโซลาร์ชุมชนอีกประมาณ 800 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้ได้ในปีหน้า และโครงการอื่นๆ อีกกว่า 900 เมกะวัตต์ โดยจะสามารถดำเนินงานต่อเนื่องได้ในปีถัดไป