ประธานบอร์ด IRCP ฟุ้งปีนี้รายได้ทะลักเกิน 50% รับอานิสงส์ดิจิตอล อีโคโนมี ของรัฐบาล เผยเตรียมทุ่มงบ 500 ล้านบาท เจรจาเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ และบริษัทผลิตน้ำมันเตา คาดได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้
นายกังวาล กุศลธรรมรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น หรือ IRCP กล่าวว่า ในปี 2558 บริษัทประมาณการรายได้คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 20% เนื่องจากภาพรวมตลาดการสื่อสารมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องต่อนโยบาย ดิจิตอล อีโคโนมีของรัฐบาล ในการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม อีกทั้งบริษัทยังมีงานวางโครงข่ายระบบส่งสัญญาณดิจิตอลทีวี หรือ MUX ซึ่งอยู่ในช่วงของการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งคาดว่าหากมีการเปิดประมูลโครงข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงในระบบ 4G ในกลางปีหน้า บริษัทจะสามารถประมูลงานเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทลูกคือ บริษัท ไอดี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (ITDC) ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถทำการซื้อขายได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ขณะที่รายได้ของบริษัทฯ ลูกที่จะรับรู้ในปีหน้าของคือ บริษัท ไอดี ดิสทริบิวชั่น จำกัด (ITDC) และ บริษัท การ์ด ซิสเต็มส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (CSM) ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่รวมกันประมาณ 50 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมที่จะขยายธุรกิจใหม่ด้านพลังงานเพื่อเน้นสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการเจรจาเพื่อร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าจากขยะ ที่จังหวัดลำปาง มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เจรจาเข้าซื้อกิจการธุรกิจผลิตน้ำมันเตา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ โดยบริษัทผลิตน้ำมันเตา สามารถทำกำไรต่อเนื่องเฉลี่ยปีละกว่า 20-30 ล้านบาท และนอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เจรจากับกลุ่มบริษัทในประเทศเกาหลี เพื่อหาเงินทุนสนับสนุนในโครงการงานโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่จะประมูลงานต่อรัฐบาล โดยจะเข้ามาในลักษณะเป็นบริษัทร่วมทุน
ทั้งนี้ ในส่วนของผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯ คาดว่ารายได้น่าจะเติบโตประมาณ 40-50% หรือ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 30% ขณะที่ในส่วนของกำไรคาดว่าจะเติบโตขึ้น 40% เนื่องจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเติบโตเกินเป้าแตะ 110% ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิไปแล้ว 118.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42.34 ล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 1,280 ล้านบาท หลังจากบริษัทได้งานขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ไตรมาส 4 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200 ล้านบาท จากงานในมือที่ทยอยรับรู้กว่า 1,000 ล้านบาท