กลุ่มบริษัทสามารถแจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2557 รวมรายได้ 6,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซนต์ กำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ โดยไอ-โมบายยังคงเป็นธุรกิจเด่นและสร้างยอดขายทะลุเป้าอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 2 จำหน่ายไปได้ถึง 1.3 ล้านเครื่อง รวมครึ่งปีจำหน่ายมือถือไปได้แล้วกว่า 2.3 ล้านเครื่อง ส่งผลให้ SIM มีผลประกอบการพุ่งสูงขึ้นทั้งรายได้และกำไร
ส่วนธุรกิจ ICT Solutions และ U-Trans ( Utilities &Transportation ) ก็สะท้อนสัญญานบวกในการตีตื้นกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเริ่มมีการทยอยเซ็นสัญญาโครงการใหม่ และมีความเป็นไปได้ในการต่อสัญญาที่มีอยู่เดิม ตลอดจนมีโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดประมูลในสิ้นปีนี้ มูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมีโอกาสในการสร้างรายได้อย่างก้าวกระโดดจากการจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีการแจกคูปองโดย กสทช. นอกจากนี้ กลุ่มสามารถยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น จำนวน 0.42 บาท , บมจ.สามารถเทลคอมจำนวน 0.25 บาท , บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย 0.06 บาท และ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ จำนวน0.11 บาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในไตรมาส 2 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซนต์กำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถไอโมบาย (SIM) มีรายได้และกำไรโดดเด่นที่สุด คือ มีรายได้ 3,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง32 เปอร์เซนต์ และมีกำไรสุทธิ 290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซนต์ ด้วยยอดขายมือถือมากถึง 1.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นสมาร์ทโฟน 8.6 แสนเครื่องหรือเท่ากับ 66 เปอร์เซนต์ของจำนวนเครื่องที่ขายได้ทั้งหมด
ส่วนสายธุรกิจ ICT Solutions ซึ่งนำโดยกลุ่มสามารถเทลคอมก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องชลอการเซ็นสัญญาและการเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างไรก็ตามในครึ่งปีแรกเทลคอมก็ยังสามารถเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันประมาณ 1,600 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังมีงานในมือ มูลค่ารวมเกือบ 6,000 พันล้านบาทที่ทะยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กลุ่มสามารถเทลคอม ยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยในไตรมาส 2 มีรายได้ทั้งสิ้น
1,629 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซนต์”
บริษัทฯ มั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ภาวะตลาดจะกลับมาคึกคักมากขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการขับเคลื่อนของภาคเอกชน จึงมั่นใจว่าผลประกอบการของทุกธุรกิจในกลุ่มสามารถจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะไอ-โมบาย ซึ่งเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับกระแสความต้องการ Smart phone ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเพิ่มเป้าหมายการขายจากเดิม 4 ล้านเครื่อง เป็น 4.5 ล้านเครื่องในสิ้นปี 2557 ส่วน
สายธุรกิจ ICT ก็เริ่มมีการทยอยเซ็นสัญญาโครงการที่ค้างอยู่ และมีโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลในสิ้นปีนี้ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ประกอบด้วยทั้งโครงการที่เป็นส่วนขยายและโครงการใหม่กับองค์กรต่างๆเช่น การท่าอากาศยานไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น
ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ เช่น สามารถวิศวกรรม ก็มีโอกาสสร้างรายได้จากการจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งคาดว่าปริมาณความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีการแจกคูปองเพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดแก่ประชาชน บริษัทฯ ตั้งเป้าจำหน่ายไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุดในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น3 ล้านชุดในปีต่อไป ในส่วนของธุรกิจคอลล์เซนต์เตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท วันทูวันคอนแทคส์จำกัด (มหาชน) ก็มีการขยายงานอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วที่ประเทศพม่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ โดยการควบรวมกิจการ(Merger & Acquisition) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “แม้ครึ่งปีแรก จะยังติดขัดอยู่บ้างจากสถานการณ์บ้านเมือง แต่ก็ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ผมมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังเราจะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่นของไอ-โมบายและการฟื้นตัวของธุรกิจไอซีที รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มสามารถอย่างเป็นรูปธรรม บริษัทฯไม่เคยประมาท เราเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ จะเห็นว่าเรามีการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง และยังมุ่งเน้นในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เพื่อสร้างฐานการเงินที่มั่นคง เช่นธุรกิจศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ (CATS) ธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเทด้า นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจพลังงาน เพื่อปูทางสู่อนาคต รองรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มสามารถ ในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานของไทย”
“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า20 บริษัท และมี 4 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) และล่าสุด บริษัท .วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน)
ส่วนธุรกิจ ICT Solutions และ U-Trans ( Utilities &Transportation ) ก็สะท้อนสัญญานบวกในการตีตื้นกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเริ่มมีการทยอยเซ็นสัญญาโครงการใหม่ และมีความเป็นไปได้ในการต่อสัญญาที่มีอยู่เดิม ตลอดจนมีโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดประมูลในสิ้นปีนี้ มูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังมีโอกาสในการสร้างรายได้อย่างก้าวกระโดดจากการจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีการแจกคูปองโดย กสทช. นอกจากนี้ กลุ่มสามารถยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น จำนวน 0.42 บาท , บมจ.สามารถเทลคอมจำนวน 0.25 บาท , บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย 0.06 บาท และ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ จำนวน0.11 บาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของกลุ่มสามารถในไตรมาส 2 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 6,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซนต์กำไรสุทธิ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซนต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถไอโมบาย (SIM) มีรายได้และกำไรโดดเด่นที่สุด คือ มีรายได้ 3,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง32 เปอร์เซนต์ และมีกำไรสุทธิ 290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซนต์ ด้วยยอดขายมือถือมากถึง 1.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นสมาร์ทโฟน 8.6 แสนเครื่องหรือเท่ากับ 66 เปอร์เซนต์ของจำนวนเครื่องที่ขายได้ทั้งหมด
ส่วนสายธุรกิจ ICT Solutions ซึ่งนำโดยกลุ่มสามารถเทลคอมก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องชลอการเซ็นสัญญาและการเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างไรก็ตามในครึ่งปีแรกเทลคอมก็ยังสามารถเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันประมาณ 1,600 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังมีงานในมือ มูลค่ารวมเกือบ 6,000 พันล้านบาทที่ทะยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้กลุ่มสามารถเทลคอม ยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยในไตรมาส 2 มีรายได้ทั้งสิ้น
1,629 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซนต์”
บริษัทฯ มั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ภาวะตลาดจะกลับมาคึกคักมากขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการขับเคลื่อนของภาคเอกชน จึงมั่นใจว่าผลประกอบการของทุกธุรกิจในกลุ่มสามารถจะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะไอ-โมบาย ซึ่งเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับกระแสความต้องการ Smart phone ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเพิ่มเป้าหมายการขายจากเดิม 4 ล้านเครื่อง เป็น 4.5 ล้านเครื่องในสิ้นปี 2557 ส่วน
สายธุรกิจ ICT ก็เริ่มมีการทยอยเซ็นสัญญาโครงการที่ค้างอยู่ และมีโครงการที่จะเข้าร่วมประมูลในสิ้นปีนี้ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ประกอบด้วยทั้งโครงการที่เป็นส่วนขยายและโครงการใหม่กับองค์กรต่างๆเช่น การท่าอากาศยานไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย และกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น
ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ เช่น สามารถวิศวกรรม ก็มีโอกาสสร้างรายได้จากการจำหน่ายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวี ซึ่งคาดว่าปริมาณความต้องการจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มีการแจกคูปองเพื่อใช้แลกเป็นส่วนลดแก่ประชาชน บริษัทฯ ตั้งเป้าจำหน่ายไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุดในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น3 ล้านชุดในปีต่อไป ในส่วนของธุรกิจคอลล์เซนต์เตอร์ ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท วันทูวันคอนแทคส์จำกัด (มหาชน) ก็มีการขยายงานอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วที่ประเทศพม่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ โดยการควบรวมกิจการ(Merger & Acquisition) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “แม้ครึ่งปีแรก จะยังติดขัดอยู่บ้างจากสถานการณ์บ้านเมือง แต่ก็ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ผมมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังเราจะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่นของไอ-โมบายและการฟื้นตัวของธุรกิจไอซีที รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มสามารถอย่างเป็นรูปธรรม บริษัทฯไม่เคยประมาท เราเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ จะเห็นว่าเรามีการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยง และยังมุ่งเน้นในธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เพื่อสร้างฐานการเงินที่มั่นคง เช่นธุรกิจศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ (CATS) ธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเทด้า นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ธุรกิจพลังงาน เพื่อปูทางสู่อนาคต รองรับวิสัยทัศน์ของกลุ่มสามารถ ในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานของไทย”
“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า20 บริษัท และมี 4 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) บริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) และล่าสุด บริษัท .วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน)