ศุภาลัย เผยแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยปี58 คาดปรับตัวน้อย 3-4% เหตุวัสดุฯ -ค่าก่อสร้าง แรงงานปรับตัวต่ำ เชื่อไม่เกิน2% ชี้ปีก่อนหน้าต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ค่าก่อสร้าง และแรงงาน ปรับตัวสูงดันราคาบ้านขยับปีละ7% ระบุอัตราการปรับตัวราคาที่อยู่อาศัยตลาด ตจว. ยังช้ากว่ากทม. เชื่อประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง - ภาษีมรดก กดราคาที่ดินกทม.-ตจว.ปรับตัวช้า บีบเอกชน-นายทุนปล่อยที่ดินดิบเข้าสู่ตลาดส่งผลดีต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการของดีเวลลอปเปอร์ ด้านศุภาลัย แจงแผนปี 58 ผุดโครงการใหม่ 26-27โครงการ สัดส่วน ตจว.25-30%กทม70-75%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มมหาชน) กล่าวถึงทิศทางการปรับตัวของราคาที่อยู่อาศัยในปี 2558ว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯจะค่อนข้างสูงกว่าตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด เนื่องจากราคาที่ดินซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการพัฒนาโครงการมีการปรับตัวสูงกว่าในต่างจังหวัด แม้ว่าต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าก่อสร้างรวมถึงแรงงานก่อสร้างในต่างจังหวัดโดยรวมๆ แล้วจะสูงกว่าตลาดในกทม. 5-10% ก็ตาม แต่เนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินในต่างจังหวัดยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ราคาที่อยู่อาศัยยังไม่สามารถปรับตัวได้สูงเท่ากับกทม.
ทั้งนี้ คาดว่าในปี2558 ราคาที่อยู่อาศัยจะมีการปรับตัวขึ้นจากปีนี้เล็กน้อยโดยจะมีการปรับตัวขึ้นประมาณ 3-4% ซึ่งเป็นการปรับตัวตามต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ค่าก่อสร้าง และราคาที่ดิน โดยในส่วนของค่าก่อสร้างและวัสดุฯนั้นน่าจะปรับขึ้นไม่เกิน 2%ซึ่งถือว่ามีการปรับตัวไม่สูงเท่ากับในปีก่อนๆหน้าซึ่งมีการปรับตัวสูง5-7% ส่งผลให้ต้นทุนก่อสร้างปรับตัววสูง จนส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัยในช่วงที่ผ่านมาสูง 7%
"ในส่วนของต้นทุนที่ดินนั้นในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมาถือว่ามีการปรับตัวอย่างรวดเร็วทั้งในส่วนของตลาดต่างจังหวัดและกทม. ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนที่ดินในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทอสังหาฯ แต่หลังจากที่มีการประกาศใช้กฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูก และกฎหมายมรดกแล้วเชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาที่ดินมีการปรับตัวช้าลงเพราะกฎหมายทั้ง 2ตัวดังกล่าวจะทำให้ มีการปล่อยที่ดินเปล่าเข้าสู่ระบบมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นผลดีกับผู้ประกอบการ และตลาดอสังหาฯทั้งในด้านของการเปิดทำเลใหม่ๆ และต้นทุนที่ดินที่ไม่ปรับตัวสูงเกินไป "
อย่างไรก็ตาม หากในปี2558 รัฐบาลมีการอนุมัติการก่อสร้างโครงการาขนาดใหญ่หรือ เมกะโปรเจ็กต์เกิดขึ้นหลายๆโครงการอาจจะส่งผลต่อการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าก่อสร้าง และต้นทุนแนรงงานให้มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน อาจจะส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัยให้มีการปรับตัวเพิ่มสูงกว่าที่บริษัทประมาณการ์ไว้ได้ ดังนั้นปัจจัยสำคัญของการปรับตัวของราคาที่อยู่อาศัยในปีหน้าจึงต้องจับตาดูที่การอนุมัติก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐด้วย
นายไตรเตชะ กล่าวว่า สำหรับแผนธุกิจของบริษัทในปี2558 นั้น จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่โดยประมาณ 26-27 โครงการ โดยสัดส่วนการพัฒนาโครงการในกทม.จะอยู่ที่70-75% และต่างจังหวัดมีสัดส่วนประมาณ 25-30% ขึ้นอยู่กับว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นไม่ ส่วนในปี2557นี้ บริษัทมีเป้าหมายการเปิดตัวโครงการรวม 27โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท แบ่งป็นโครงการแนวราบ 18 โครงการซึ่งขณะนี้เปิดขายครบแล้ว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมมีจำนวน9 โครงการ ซึ่งขณะนี้เปิดขายไปแล้ว 6 โครงการและกำลังจะเปิดขายเพิ่มอีก 2 โครงการ ในวันที่ 29-30 พ.ย.นี้ โดย 2โครงการดังกล่าว คือโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์ และโครงการ ศุภาลัยมอนเต้ 2 ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนอีก 1 โครงการที่เหลือ อยู่ระหว่างการพิจารณาภาวะตลาดว่าจะเปิดขายในปีนี้หรือไม่
สำหรับโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 33ชั้น บนพื้นที่พัฒนาโครงการ 5 ไร่ มูลค่า 2,700ล้านบาท ตั้งอยู่ติดกับถนนรัตนาธิเบศร์ เลียบแนวรถไฟฟ้า สายสีม่วง มีจำนวนห้องชุดพักอยาศัยรวม 1,066ยูนิต ราคาเริ่มต้น1 ล้านบาทต้นๆ มีห้องชุดให้เลือก 3 คือ ห้องชุดแบบ 1-3 ห้องนอน ขนาด 30-92 ตารางเมตร (ตร.ม.) ส่วนโครงการ ศุภาลัย มอนเต้ 2 ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง32ชั้น 1 อาคาร จำนวน 734 ยูนิต มูลค่ารวม 1,700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 1.5 ล้านบาท มีห้องให้เลือก 3 แบบ 1-3ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น33-117 ตร.ม.
