“เกียรติพงศ์” ระบุเสถียรภาพยังดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค

“เกียรติพงศ์” ระบุเสถียรภาพยังดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนตุลาคมปรับลดร้อยละ 0.1 หลังสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคิวอีและมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือนตุลาคม 2557 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดที่ระดับ 1584.16 จุด ปรับลดจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.1 แต่ยังเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ร้อยละ 21.98 เนื่องจากก่อนหน้านี้ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง ประกอบกับความกังวลเรื่องการผันผวนของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในปีหน้า อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลต่อเนื่องให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า กระทบสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 16,028 ล้านบาท นับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีการขายสุทธิอยู่ที่ 19,878 ล้านบาท แรงซื้อหลักมาจากนักลงทุนสถาบันที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งนับเป็นพัฒนาการที่ดีเนื่องจากจะช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้น

ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ mai ยังอยู่ในระดับสูงที่ 50,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.87 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนคาดการณ์กำไรต่อหุ้น หรือ PE Ratio ณ สิ้นเดือนตุลาคม อยู่ที่ 16.28 โดยภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยยังนับว่ามีเสถียรภาพกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค อาทิ ฟิลิปปินส์/อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เนื่องจากไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีกว่า

ขณะที่การซื้อขายในตลาดพันธบัตรขณะนี้มีมูลค่าสูงถึง 21,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น จากความกังวลว่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ คิวอี