“เอสเอ็มอีแบงก์” เร่งเสริมช่องทางช่วยผู้ประกอบการ ชี้สถานการณ์ระดมทุนยังตึงตัว

“เอสเอ็มอีแบงก์” จับมือเอกชนเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ SMEs-OTOP เพิ่มช่องทางแทนการกู้เงิน เตรียมวงเงิน 100 ล้านบาท สนับสนุนเอสเอ็มอี “หม่อมเต้า” ชี้สถานการณ์ระดมทุนของผู้ประกอบการขณะนี้ยอมรับว่าค่อนข้างตึง แม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปจนถึงต้นปีหน้า เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงมองว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำยังคงดำเนินต่อไปเพื่อกระตุ้นการลงทุน

นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ร่วมกับ บริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ จำกัด (M. T. R. Asset Managers) ซึ่งมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นประธาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs-OTOP เพื่อร่วมกันสนับสนุนโครงการร่วมลงทุนแก่ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าธนาคาร หรือที่ผ่านการคัดเลือกจากหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมมือกับธนาคาร หลังจากคณะกรรมการธนาคารกำหนดวงเงินร่วมลงทุนกับเอสเอ็สเอ็มอีไม่เกินร้อยละ 5 ของเงินกองทุนธนาคาร เบื้องต้น เตรียมวงเงินร่วมโครงการ 100 ล้านบาท คาดว่าระยะแรกธนาคารคงใช้เงินลงทุนไม่มาก เพราะการร่วมลงทุนธนาคารจะคัดกรองเอสเอ็มอี ขนาดเล็ก วงเงินลงทุนต่อรายไม่เกิน 5 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้บริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาให้แก่เอสเอ็มอี และเข้าร่วมลงทุน โดยลูกค้าขนาดเล็กที่ได้รับการคัดกรองจากธนาคารนั้น จะต้องมีศักยภาพและผลประกอบการที่ใช้ได้ โดยมีคำสั่งซื้อเข้ามารอ แต่ไม่สามารถผลิตสินค้า หรือบริการได้ตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไม่ต้องการใช้เงินกู้มาขยายกิจการ หรือมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงอยู่แล้ว ดังนั้น การร่วมลงทุนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ด้วยเงินทุนที่ไม่มีดอกเบี้ย นอกจากนี้ ธนาคารจะว่าจ้างเอกชนให้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง หรือ Fund Manager เพื่อดูแลเรื่องการบริหารจัดการด้านบัญชี การตลาด เพื่อให้สามารถนำเงินลงทุนที่มีอยู่เกิดประโยชน์ต่อกิจการต่อไป

ส่วนบริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มีนวัตกรรม โดยธนาคารจะคัดเลือกเอสเอ็มอีให้บริษัท เอ็ม.ที.อาร์.แอสเส็ท แมนเนเจอร์ พิจารณา และหากจำเป็นก็จะสนับสนุนเงินให้สินเชื่ออีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเอสเอ็มอี ที่บริหารจัดการโดยคนรุ่นใหม่ที่รวมตัวกันประมาณ 100 ราย ซึ่งกลุ่มนี้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนกับธนาคาร ซึ่งธนาคารก็จะศึกษา และประสานงานกับเอสเอ็มอีกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า แผนการเข้าร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (Venture Capital) จะเข้าไปพร้อมกับเอสเอ็มอีแบงก์ ด้วยการคัดเลือกผู้ประกอบการที่ยังมีศักยภาพ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากแบงก์ และยังมีแนวโน้มผลิตสินค้าป้อนสู่ตลาดได้ โดยยังไม่คำนึงผลตอบแทนในเบื้องต้น เพราะช่วงแรกต้องส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูระบบบัญชี การตลาด การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เมื่อเอสเอ็มอีเข้มแข็งแล้วจะเริ่มให้ผลตอบแทนทั้งราคาหุ้น และเงินปันผล การตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอี หากแนวโน้มธุรกิจดีศักยภาพสูงอาจเข้าร่วมลงทุนถึงร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน แต่หากธุรกิจยังพอไปได้จะร่วมลงทุนร้อยละ 10 เพื่อต้องการเติมทุนให้ผู้ประกอบการอีกด้านหนึ่ง

จากนั้นระยะเวลาผ่านไปถึง 5 ปี จะเริ่มพิจารณาดูว่าจะถอนหุ้นออก เพื่อให้เอสเอ็มอีมีศักยภาพภาพ เพื่อเดินหน้าต่อไปด้วยตนเอง หรืออาจสนับสนุนกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทางบริษัทจะได้ทั้งกำไรจากราคาหุ้น ซึ่งเข้าลงทุนด้วยราคาพาร์ และเงินปันผล สำหรับสถานการณ์ระดมทุนของผู้ประกอบการขณะนี้ยอมรับว่าค่อนข้างตึง แม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปจนถึงต้นปีหน้าเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงมองว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำยังคงดำเนินต่อไปเพื่อกระตุ้นการลงทุน