เอสเอ็มอีแบงก์ เร่งฟื้นฟูกิจการ เผยไตรมาส 3 กำไร 157 ล้านบาท จากยอดครึ่งปีแรกขาดทุน 41 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าแก้เอ็นพีแอล แย้มธนาคารอยู่ระหว่างการปรับกระบวนการอำนวยสินเชื่อใหม่ เน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อย วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น แต่ยอดวงเงินสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่คณะกรรมการธนาคารชุดใหม่เข้ามาบริหารในเดือน ส.ค.57 ได้นำเสนอแผนฟื้นฟูธนาคาร เน้น 4 เรื่องหลัก คือ 1. การขยายสินเชื่อให้เป็นไปตามภารกิจ ในวงเงินต่ำกว่า 15 ล้านบาท ด้วยการปรับปรุงกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ อำนวยความสะดวกให้ผู้มาขอสินเชื่อ ทั้งด้านการประเมินราคาหลักประกัน รวมถึงการจัดทำเอกสารต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้รวดเร็ว และให้คำปรึกษาแนะนำภายหลังจากอนุมัติสินเชื่อแล้ว โดยได้ดำเนินการไปแล้วมากพอสมควร แต่ไม่ทิ้งเรื่องการดูแลความเสี่ยง
2. การบริหารจัดการลูกหนี้เอ็นพีแอล หลังได้ตั้งสำรองครบถ้วนแล้ว และยังมีสำรองส่วนเกินอีก 1,369 ล้านบาท จึงทำให้ธนาคารฯ เสียโอกาสดอกเบี้ยรับ และไม่สามารถเปลี่ยนลูกหนี้กลับมาเป็นเงินสดเพื่อใช้ขยายสินเชื่อต่อได้อีก 3. การบริหารจัดการสภาพคล่อง ธนาคารมีแนวทางเพิ่มระยะเวลาของเงินฝากให้ยาวขึ้น 4. การบริหารจัดการบุคลากร ธนาคารพยายามจัดสรรพนักงานจากด้านสนับสนุนให้มาอยู่ด้านหารายได้ จึงทำให้ไตรมาส 3 (ส.ค.-ก.ย.57) มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้ โดยยอดเอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ก.ย.57 จำนวน 33,850 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของสินเชื่อรวม เปรียบเทียบกับเดือน มิ.ย.57 จำนวน 34,907 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของสินเชื่อรวม หรือลดลง 1,057 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.- มิ.ย.57) ขาดทุน 41 ล้านบาท
เนื่องจากภาระการตั้งสำรองลดลง เพราะธนาคารสามารถป้องกันลูกหนี้ที่มีสถานะจัดชั้นปกติไม่ให้ตกชั้นเป็นเอ็น พีแอล และสามารถแก้ไขหนี้ในส่วนที่เป็นเอ็นพีแอลให้กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติ จากการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ของธนาคารเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.07 ณ เดือน มิ.ย.57 เพิ่มเป็นร้อยละ 7.54 ณ เดือน ก.ย.57 สำหรับสินเชื่อคงค้าง ณ เดือน ก.ย.57 มีจำนวน 86,099 ล้านบาท ลดลง 2,000 ล้านบาท จากเดือน มิ.ย. 57 มีจำนวน 88,095 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากการรับชำระหนี้ และลูกหนี้ของธนาคารที่มีวงเงินขนาดใหญ่และแข็งแรงแล้วได้ปิดบัญชีและ Refinance ไปสถาบันการเงินอื่น
ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการปรับกระบวนการอำนวยสินเชื่อใหม่ เน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อย วงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น แต่ยอดวงเงินสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก เมื่อได้ปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เน้นภารกิจหลักการปล่อยสินเชื่อราย ย่อย ทำให้ในไตรมาส 3 อัตราส่วนยอดเบิกจ่ายสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท ต่อวงเงินเกิน 15 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 66 ต่อร้อยละ 34 เทียบกับครึ่งปีแรก มีสัดส่วนร้อยละ 53 ต่อร้อยละ 47 เพราะลูกหนี้รายย่อยมีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เอ็นพีแอลได้ง่ายกว่าจาก ปัญหาในอดีต จึงขจัดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการปล่อยกู้รายใหญ่ และเชื่อว่าเมื่อนำระบบนี้มาใช้แล้ว สำหรับการดำเนินคดีเรื่องทุจริตในอดีตนั้น ธนาคารจะเร่งรัดการสอบสวนต่อไป จึงทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรอง 1,099 ล้านบาท และเมื่อหักสำรองส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท
นอกจากนี้ เอสเอ็มอีแบงก์ยังได้จัดงาน SMEs Fair มหกรรมสินค้า SMEs กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการนำร้านค้าคุณภาพดี ของกินของใช้ ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ กว่า 50 ร้านค้าจากทั่วประเทศมาร่วมออกบูท เพื่อขายสินค้าในราคาถูก โดยจัดงาน ณ บริเวณ SME Bank Tower พหลโยธิน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล