“ยิปรอค” สุดอั้นจ่อขึ้นราคายิปซัมต้นปี 58 หลังอั้นมานานกว่า 3 ปี โอดต้นทุนปรับขึ้นสูง พร้อมวอนรัฐบาลควบคุมมาตรฐาน มอก. หลังทุนไต้หวันตั้งฐานผลิตสินค้าไม่ได้คุณภาพในไทย พร้อมคาดการณ์ตลาดยิมซัมปี 57 โต 5-6% ล่าสุด ออก 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ยิปรอค เอ็มทูเทค - ปูนยิปโค้ท โททอล หวังกระตุ้นยอดขายโค้งสุดท้ายปลายปี
มร.ริชาร์ด จูเชรี กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบงานฝ้าเพดานและงานผนังยิปซัม ภายใต้แบรนด์ยิปรอค เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดยิปซัมชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ในช่วงที่การเมืองร้อนแรงนับจากช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา จนถึงครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังมี คสช.เข้ามาดูแลความสงบ และจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังยอดขายตีตื้นขึ้นมาหลังจากที่ชะลอตัวในช่วงต้นปี
โดยคาดว่าภาพรวมตลาดยิปซัมทั้งปีน่าจะเติบโตประมาณ 5-6% จากที่ปกติจะเติบโตปีละประมาณ 8-10% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวม 110-120 ล้านตารางเมตร บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดที่ 35% มีกำลังการผลิต 70 ล้านตารางเมตร/ปี แบ่งเป็นขายในประเทศ 50% และส่งออกอีก 50% โดยคาดว่าปีนี้จะมีการเติบโตที่ประมาณ 5% ตามแนวโน้มตลาด
ในปี 2558 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไม่หวือหวา ทำให้ตลาดยิปซัมเติบโตได้ประมาณ 6-7% เนื่องจากนักลงทุนชะลอไปมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทฯ เองมั่นใจว่าจะสามารถรักษาฐานไว้ได้ โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างใหม่ในต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ และการเมืองมากนัก โดยมีสัดส่วนมากถึง 70-80% ของยอดขาย
นายริชาร์ด กล่าวต่อว่า บริษัทแผนขยายฐานการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย จากที่ก่อนหน้านี้ใช้โรงงานในไทยผลิตส่งไปให้ นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกขยายไปยังประเทศมาเลเซีย พม่า เวียดนาม อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิอาเซียน
ด้านนายธงชัย กมลพัฒนะ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดยิปซัมในไทยถูกจีนนำสินค้าราคาถูกมาตีตลาด แต่ปัจจุบันนักลงทุนชาวไต้หวันเข้ามาสร้างโรงงานขนาดเล็กผลิตยิปซัมทำตลาดในไทย แม้จะทำให้สินค้าจากจีนหายไป แต่มีสินค้าที่ได้คุณภาพมาตรฐาน มอก.วางขายตามท้องตลาด ทำให้ผู้ผลิตในไทยที่ผลิตสินค้าตามมาตรฐาน มอก. เสียเปรียบในเรื่องราคา ดังนั้น จึงต้องการให้รับบาลเข้ามาช่วยยกระดับมาตรฐานยิปซัมให้มีมาตรฐาน มอก. จึงจะสามารถขายได้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่มีคุณภาพ คงทน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทมีมีแผนที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงต้นปี 58 เนื่องจากต้นทุนวัสดุ และแรงงานปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้มากว่า 3-4 ปี ดังนั้น จึงมีแผนที่จะขอปรับขึ้นราคาในช่วงเดือนมกราคม 58 นี้ประมาณ 3-5% ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ แผ่นยิปซัมชนิดทนชื้นทนรา “ยิปรอค เอ็มทูเทค (Gyproc® M2Tech)” คุณสมบัติทนความชื้นและราในแผ่นยิปซัมแผ่นเดียว ขนาดความหนา 9 มิลลิเมตร พัฒนาขึ้นสำหรับพื้นที่เฉพาะภายในอาคาร เช่น ห้องที่มีการหมุนเวียนของอากาศน้อย สามารถใช้ในโรงพยาบาล สถานศึกษา หรือ บ้านที่มีเด็กเล็ก เป็นต้น แผ่นยิปซัม ยิปรอค เอ็มทูเทค มีสูตรพิเศษด้วยสารยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่อยู่ในแกนกลางของแผ่นยิปซัม
ผลิตภัณฑ์ “ปูนยิปโค้ท โททอล (GypCote TOTAL)” คือ ปูนฉาบสกิมโค้ทสูตรพิเศษ สีขาว ขนาดบรรจุภัณฑ์ 20 กิโลกรัมต่อถุง ใช้ได้ 20 ตารางเมตร ใช้เฉพาะภายในอาคารสำหรับงานฉาบบาง ให้ความเรียบเนียนพิเศษ ไร้รอยร้าว และไม่ต้องทาสีรองพื้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้น ใช้ได้บนพื้นผิวหลายชนิด เช่น ฉาบท้องพื้นคอนกรีต ผนังคอนกรีต ผนังปูนฉาบทั่วไป และฉาบแผ่นยิปซัมทั้งผืน โดยหวังการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหมู่บ้านจัดสรร คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ โรงงาน เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมาหลัก และผู้รับเหมาสี เป็นต้น
โดยบริษัทฯ มีแผนจัดจำหน่ายผ่านร้านค้ากว่า 400 รายทั่วประเทศ รวมถึง ยิปรอคเซ็นเตอร์ และยิปรอคโซน โดยยิปรอคเซ็นเตอร์ในปัจจุบันรวมทั้งหมด 4 สาขา ซึ่งบริษัทมีแผนในการขยายเพิ่มอีก 1-2 สาขาภายในสิ้นปี 2558 ส่วนยิปรอคโซนมีสาขากระจายอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีการเติบโตทางธุรกิจ และมีแผนเพิ่มอีกเพื่อให้ครบ 22 สาขา ตามเป้าที่วางไว้ภายในปี 2557
“การเปิดตัวทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งในแผนธุรกิจของยิปรอค ในการที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้ตามแผนที่ 5% ในปี 2557 คาดว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจระบบผนัง และฝ้ายิปซัมครบวงจร เมื่อมีการเปิด AEC ในปี 2558”
