อดีตกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ เตรียมยื่นฟ้อง ก.ล.ต. ฐานปล่อยให้บริษัท TSE ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนและมีข้อพิพาทในชั้นศาลเข้าเทรดหุ้น IPO ได้ตามปกติ แย้มหาก ก.ล.ต. เพิกเฉยไม่ยับยั้งเตรียมจะเข้าฟ้องศาลปกครองกลางทันที
นายไพบูลย์ มัทธุรนนท์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ได้ทำการแต่งตั้งนายบัณฑูล ชุณหสวัสดิกุล เพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อ นายประชา และนางแคทลีน มาลีนนท์ ในกรณีของการขอเพิ่มทุนโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการริบหุ้นเพื่อขายทอดตลาด
โดยก่อนหน้านี้บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ บริษัท สยาม เอ็นเนอร์ยี่ เดิมนั้น ก่อตั้งโดยนายไพบูลย์ มัทธุรานนท์ ผู้เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีทุนจดทะเบียนก่อตั้งครั้งแรกจำนวน 1 ล้านบาท มูลค่าต่อหุ้น 100 บาท และได้เชิญนายประชา มาลีนนท์ เข้ามาถือหุ้นด้วย โดยนายประชาได้ถือหุ้นจำนวน 4,000 หุ้น และนายไพบูลย์ มัทธุรานนท์ ถือหุ้นจำนวน 3,000 หุ้น และได้ทำการเพิ่มทุนเรื่อยมาในครั้งที่ 2 จำนวน 160 ล้านบาท ครั้งที่ 3 จำนวน 320 ล้านบาท ซึ่งนายนายไพบูลย์ได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้นและทำการเพิ่มทุนเรื่อยมา จนกระทั่งนายประชา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้นัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติเพิ่มทุนจำนวน 1,365 ล้านบาท แต่ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งเรียกประชุมผู้ถือหุ้นและขออนุมัติเพิ่มทุนส่งไปยังนายไพบูลย์ จนกระทั่งมติที่ประชุมอนุมัติเพิ่มทุนแล้วเสร็จและชำระเงินเพิ่มทุนดังกล่าว จึงมีหนังสือแจ้งขอริบหุ้นในส่วนที่นายไพบูลย์ถือครองอยู่เพื่อขายทอดตลาด จำนวน 8,340,000 หุ้น โดยอ้างว่านายนายไพบูลย์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นและไม่ได้ชำระเงินเพิ่มทุนตามกำหนดระยะเวลา ส่งผลให้นายนายไพบูลย์ ได้รับความเสียหายจากการถูกริบหุ้นและการขออนุมัติเพิ่มทุนโดยมิชอบ
“เมื่อเริ่มก่อตั้งผมได้ชักชวนคุณประชาเข้ามาร่วมถือหุ้น โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ระยะหลังคุณแคทลีน ซึ่งเป็นบุตรสาวคุณประชาได้มาแทรกแซงการดำเนินงาน และพยายามกดดันในการทำงาน ทำให้ผมมีความอึดอัดใจ จึงขอลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการ” นายไพบูลย์กล่าว
อย่างไรก็ดี มูลเหตุที่นายประชาเข้าริบหุ้นในสัดส่วนของนายไพบูลย์นั้น เนื่องจากว่านายไพบูลย์เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจพลังงานไฟฟ้ากว่า 10 ใบ โดยมีกำลังการผลิตได้กว่า 80 เมกะวัตต์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ทำให้นายประชาต้องการฮุบกิจการเอาไว้เอง และพยายามที่จะกีดกันนายไพบูลย์ออกจากธุรกิจ จนกระทั่ง TSE ได้แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเตรียมที่จะเข้าเสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปภายในกลางเดือนตุลาคมนี้ ทำให้นายไพบูลย์มีความกังวลว่า นักลงทุนผู้ที่เข้ามาซื้อขายหุ้นซึ่งคำนวนแล้วเฉลี่ยกว่า 104.5 ล้านหุ้นจากสัดส่วนหุ้นที่ตนถือครองจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากยังเป็นข้อพิพาทระหว่างตนและบริษัทตลอดจนถึงนายประชาและนางสาวแคทลีนอยู่ในชั้นศาล
ทั้งนี้นายไพบูลย์ เตรียมที่จะให้นายบัณฑูล ชุณหสวัสดิกุล เข้ายื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต. เพื่อยับยั้งเข้าเปิดซื้อขายหุ้นของ บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ซึ่งทาง ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งไปแล้ว และเตรียมจะเปิดทำการซื้อขายเร็วๆ นี้ โดยหากทาง ก.ล.ต.ยังปล่อยให้ TSE ดำเนินการซื้อขายตามปกติต่อไป ทางนายไพบูลย์ก็จะดำเนินการฟ้องร้อง ก.ล.ต.ต่อศาลปกครองกลางต่อไป จนกว่าข้อพิพาทในชั้นศาลจะตัดสินเป็นที่สิ้นสุดลง
