ASTV ผู้จัดการายวัน - อดีตกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE เตรียมยื่นฟ้อง ก.ล.ต. ฐานปล่อยให้บริษัท TSE ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนและมีข้อพิพาทในชั้นศาลเข้าเทรดหุ้น IPO ได้ตามปกติ แย้มหาก ก.ล.ต. เพิกเฉยไม่ยับยั้งเตรียมจะเข้าฟ้องศาลปกครองกลางทันที ด้าน"แคทลีน"ยันได้ยื่นเอกสารคดีฟ้องร้องดังกล่าวให้ก.ล.ต.ตั้งแต่ต้น ยันทำถูกขั้นตอน มั่นใจหุ้นTSE เข้าตลาดmai ได้ตามกำหนด
นายไพบูลย์ มัทธุรนนท์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ให้ระงับการจดทะเบียนของหุ้น TSE เนื่องจากยังมีคดีความที่ได้ฟ้องดำเนินคดีนายประชา และนางแคทลีน มาลีนนท์ ผู้บริหาร TSE กรณีกรเรียกประชุมเพิ่มทุนโดยมิชอบและริบหุ้นจำนวน 8,340,000 หุ้น โดยหาก ก.ล.ต.ยังเดินหน้าพิจารณาตามคำขอของ TSE ก็จะแต่งตั้งนายบัญฑูร ชุณหสวัสดิกุล หัวหน้าสำนักงานกฏหมาย FBLP LEGAL CO.,LTD ในฐานะทนายความยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
“เมื่อเริ่มก่อตั้งผมได้ชักชวนคุณประชาเข้ามาร่วมถือหุ้น โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และร่วมกันบริหารบริษัทเป็นเวลากว่า 2 ปี และนางสาวแคทลีน ได้เข้ามาร่วมบริหารด้วย และเกิดปัญหาขัดแย้งกันจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท โดยขณะนั้นโครงการต่าง ๆ ของบริษัทดำเนินงานก่อสร้างไปกว่า 95% เมื่อลาอออกมาแล้วทาง TSE จึงนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนโดยไม่ได้บอกกล่าว” นายไพบูลย์กล่าว
ในการฟ้องคดีครั้งนี้นายไพบูลย์ เรียกร้องค่าเสียหายหลักพันล้านบาท แต่ยังเปิดโอกาสให้ทางกลุ่มมาลีนนท์มาเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ยเพื่อคืนหุ้นที่ริบไปทั้งหมดกลับมา และหลังจากนั้นหาก TSE ความต้องการให้นายไพบูลย์ใช้สิทธิเพิ่มทุนก็สามารถหารือกันได้
ด้านนายบัญฑูร ในฐานะทนายความของนายไพบูลย์ เปิดเผยว่า นายไพบูลย์ได้ร้องขอให้ ก.ล.ต.ระงับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของ TSE ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO ตั้งแต่วันวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา และในวันที่ 10 ต.ค.นี้จะเดินทางไปยัง ก.ล.ต.เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งหาก ก.ล.ต. มีความเห็นให้ TSE ยังสามารถขายหุ้นไอพีโอต่อไปได้อีก นายไพบูลย์ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
“จะสู้คดีจนถึงที่สุดเพื่อระงับการเสนอขายหุ้น IPO ของ TSE ที่ยังมีคดีความค้างอยู่ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ ได้ยื่นฟ้อง TSE ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ย.54 เรื่องการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น TSE เพื่อพิจารณาแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,365 ล้านบาท จากเดิม 320 ล้านบาท โดยเวลาดังกล่าวกรรมการที่มีอำนาจ คือ นายประชา และนางสาวแคทลีน ไม่ได้ส่งหนังสือเชิญประชุมหรือบอกกล่าวใด ๆ และเรียกประชุมใหญ่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดไว้ ซึ่งขณะนั้นนายไพบูลย์ ถือหุ้น TSE ในสัดส่วน 26% ทำให้การประชุมครั้งนั้นเป็นการประชุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย”
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว TSE ได้ชี้แจงกับนายไพบูลย์ว่ายังติดค้างชำระค่าหุ้นจำนวน 5.24 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยผิดนัดอีกกว่า 2.38 ล้านบาท ทำให้ทาง TSE ริบหุ้นที่นายไพบูลย์ทั้ง 8.34 ล้านหุ้นเพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.56 ซึ่งบริษัท พี.เอ็ม. เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่เป็นของกลุ่มครอบครัวมาลีนนท์ได้เข้ามาเป็นผู้รับซื้อหุ้นของนายไพบูลย์ ทั้งหมดในราคากว่า 30 ล้านบาท ดังนั้น นายไพบูลย์จึงฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจรด้วยการลักเอาหุ้นไปขายทอดตลาดและรับซื้อไว้เอง ซึ่งในที่ 15 ต.ค.57 ศาลอาญาจะมีการนัดไต่สวนคดีดังกล่าว
****"แคทลีน"ยันได้ยื่นเอกสารคดีฟ้องร้องดังกล่าวให้ก.ล.ต.ตั้งแต่ต้น
นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่ามีอดีตผู้ถือหุ้นไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ ฟ้องร้องกล่าวโทษบริษัทฯและผู้ถือหุ้นนั้น ทางบริษัทฯขอชี้แจงว่า บริษัทฯได้ยื่นเอกสารและหลักฐานรายละเอียดของคดีต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตามขั้นตอนการพิจารณารับหลักทรัพย์อยู่แล้ว โดยบริษัทฯได้ทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่น่าจะมีสิทธิมายับยั้งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้
นอกจากนี้ มีหลายคดีที่ศาลฯได้พิพากษายกฟ้องแล้ว เนื่องจากคำฟ้องไม่มีมูลตามกฎหมาย ซึ่งอดีตผู้ถือหุ้นเดิมก็อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำสั่งศาล
แหล่งข่าวจากบมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ กล่าวว่า บริษัทฯยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถนำหุ้นTSE เข้าซื้อขายในตลาด mai ได้ตามกำหนดที่วางไว้ในเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากปัญหาคดีความกับผู้ถือหุ้นเดิมนั้น ทางก.ล.ต.รับทราบมาโดยตลอด รวมทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)ด้วย ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการปิดบัง อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับก.ล.ต.เป็นผู้ตัดสินคุณสมบัติของบริษัทฯ
ส่วนการยื่นฟ้องนายประชา และนางแคทลีน มาลีนนท์ ถือเป็นการฟ้องส่วนตัวในฐานะผู้ถือหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทางนายประชาและนางแคทลีนจะดำเนินการอย่างไรเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล บริษัทไม่ก้าวล่วง
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น พร้อมกับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปลายเดือน ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นช่วงกลางเดือนนี้ หลังจากสรุปผลสำรวจราคาจากนักลงทุนสถาบัน(Book Building)เรียบร้อยแล้ว
หุ้น IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น จะแบ่งขายให้กับ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) จำนวน 22.8 ล้านหุ้น เพื่อการรักษาสัดส่วนหุ้นใน TSE ที่ 20% หลังจากการเพิ่มทุน จากปัจจุบันที่ WAVE ถือหุ้น TSE อยู่ที่ 25% ส่วนหุ้นที่เหลืออีกราว 428 ล้านหุ้นจะจัดสรรให้กับนักลงทุนในแต่ละกลุ่มอีกครั้ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
“บริษัทไม่กังวลว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคปจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น TSE เมื่อเข้าเทรด เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่ดี โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ” นางแคทลีน กล่าว
ทั้งนี้ ภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ(COD)จำนวน 99 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 87 เมกกาวัตต์ ทำให้ในปี 58 จะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเต็มปี นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนโครงการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในปีหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมากในอนาคต
ด้านนายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSE กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทคาดว่าจะมีการล้างขาดทุนสะสมในงบเดี่ยวที่มีอยู่ราว 234 ล้านบาท โดยจะนำกำไรจากงบรวมไปดำเนินการ ซึ่งผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 57 ในงบรวมมีกำไรสุทธิราว 648 ล้านบาท และมีกำไรสะสม 473 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทอาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดปี 58 ให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิในงบเดี่ยว
นายไพบูลย์ มัทธุรนนท์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นเดิมของ บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ให้ระงับการจดทะเบียนของหุ้น TSE เนื่องจากยังมีคดีความที่ได้ฟ้องดำเนินคดีนายประชา และนางแคทลีน มาลีนนท์ ผู้บริหาร TSE กรณีกรเรียกประชุมเพิ่มทุนโดยมิชอบและริบหุ้นจำนวน 8,340,000 หุ้น โดยหาก ก.ล.ต.ยังเดินหน้าพิจารณาตามคำขอของ TSE ก็จะแต่งตั้งนายบัญฑูร ชุณหสวัสดิกุล หัวหน้าสำนักงานกฏหมาย FBLP LEGAL CO.,LTD ในฐานะทนายความยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
“เมื่อเริ่มก่อตั้งผมได้ชักชวนคุณประชาเข้ามาร่วมถือหุ้น โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และร่วมกันบริหารบริษัทเป็นเวลากว่า 2 ปี และนางสาวแคทลีน ได้เข้ามาร่วมบริหารด้วย และเกิดปัญหาขัดแย้งกันจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท โดยขณะนั้นโครงการต่าง ๆ ของบริษัทดำเนินงานก่อสร้างไปกว่า 95% เมื่อลาอออกมาแล้วทาง TSE จึงนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนโดยไม่ได้บอกกล่าว” นายไพบูลย์กล่าว
ในการฟ้องคดีครั้งนี้นายไพบูลย์ เรียกร้องค่าเสียหายหลักพันล้านบาท แต่ยังเปิดโอกาสให้ทางกลุ่มมาลีนนท์มาเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ยเพื่อคืนหุ้นที่ริบไปทั้งหมดกลับมา และหลังจากนั้นหาก TSE ความต้องการให้นายไพบูลย์ใช้สิทธิเพิ่มทุนก็สามารถหารือกันได้
ด้านนายบัญฑูร ในฐานะทนายความของนายไพบูลย์ เปิดเผยว่า นายไพบูลย์ได้ร้องขอให้ ก.ล.ต.ระงับการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของ TSE ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO ตั้งแต่วันวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา และในวันที่ 10 ต.ค.นี้จะเดินทางไปยัง ก.ล.ต.เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งหาก ก.ล.ต. มีความเห็นให้ TSE ยังสามารถขายหุ้นไอพีโอต่อไปได้อีก นายไพบูลย์ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
“จะสู้คดีจนถึงที่สุดเพื่อระงับการเสนอขายหุ้น IPO ของ TSE ที่ยังมีคดีความค้างอยู่ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้นายไพบูลย์ ได้ยื่นฟ้อง TSE ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ย.54 เรื่องการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น TSE เพื่อพิจารณาแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,365 ล้านบาท จากเดิม 320 ล้านบาท โดยเวลาดังกล่าวกรรมการที่มีอำนาจ คือ นายประชา และนางสาวแคทลีน ไม่ได้ส่งหนังสือเชิญประชุมหรือบอกกล่าวใด ๆ และเรียกประชุมใหญ่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดไว้ ซึ่งขณะนั้นนายไพบูลย์ ถือหุ้น TSE ในสัดส่วน 26% ทำให้การประชุมครั้งนั้นเป็นการประชุมที่มิชอบด้วยกฎหมาย”
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว TSE ได้ชี้แจงกับนายไพบูลย์ว่ายังติดค้างชำระค่าหุ้นจำนวน 5.24 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยผิดนัดอีกกว่า 2.38 ล้านบาท ทำให้ทาง TSE ริบหุ้นที่นายไพบูลย์ทั้ง 8.34 ล้านหุ้นเพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 27 ก.ค.56 ซึ่งบริษัท พี.เอ็ม. เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่เป็นของกลุ่มครอบครัวมาลีนนท์ได้เข้ามาเป็นผู้รับซื้อหุ้นของนายไพบูลย์ ทั้งหมดในราคากว่า 30 ล้านบาท ดังนั้น นายไพบูลย์จึงฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจรด้วยการลักเอาหุ้นไปขายทอดตลาดและรับซื้อไว้เอง ซึ่งในที่ 15 ต.ค.57 ศาลอาญาจะมีการนัดไต่สวนคดีดังกล่าว
****"แคทลีน"ยันได้ยื่นเอกสารคดีฟ้องร้องดังกล่าวให้ก.ล.ต.ตั้งแต่ต้น
นางแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่ามีอดีตผู้ถือหุ้นไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ ฟ้องร้องกล่าวโทษบริษัทฯและผู้ถือหุ้นนั้น ทางบริษัทฯขอชี้แจงว่า บริษัทฯได้ยื่นเอกสารและหลักฐานรายละเอียดของคดีต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตามขั้นตอนการพิจารณารับหลักทรัพย์อยู่แล้ว โดยบริษัทฯได้ทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่น่าจะมีสิทธิมายับยั้งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้
นอกจากนี้ มีหลายคดีที่ศาลฯได้พิพากษายกฟ้องแล้ว เนื่องจากคำฟ้องไม่มีมูลตามกฎหมาย ซึ่งอดีตผู้ถือหุ้นเดิมก็อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำสั่งศาล
แหล่งข่าวจากบมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ กล่าวว่า บริษัทฯยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถนำหุ้นTSE เข้าซื้อขายในตลาด mai ได้ตามกำหนดที่วางไว้ในเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากปัญหาคดีความกับผู้ถือหุ้นเดิมนั้น ทางก.ล.ต.รับทราบมาโดยตลอด รวมทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)ด้วย ซึ่งบริษัทฯไม่ได้มีการปิดบัง อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับก.ล.ต.เป็นผู้ตัดสินคุณสมบัติของบริษัทฯ
ส่วนการยื่นฟ้องนายประชา และนางแคทลีน มาลีนนท์ ถือเป็นการฟ้องส่วนตัวในฐานะผู้ถือหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทางนายประชาและนางแคทลีนจะดำเนินการอย่างไรเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล บริษัทไม่ก้าวล่วง
พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น พร้อมกับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปลายเดือน ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นช่วงกลางเดือนนี้ หลังจากสรุปผลสำรวจราคาจากนักลงทุนสถาบัน(Book Building)เรียบร้อยแล้ว
หุ้น IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น จะแบ่งขายให้กับ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) จำนวน 22.8 ล้านหุ้น เพื่อการรักษาสัดส่วนหุ้นใน TSE ที่ 20% หลังจากการเพิ่มทุน จากปัจจุบันที่ WAVE ถือหุ้น TSE อยู่ที่ 25% ส่วนหุ้นที่เหลืออีกราว 428 ล้านหุ้นจะจัดสรรให้กับนักลงทุนในแต่ละกลุ่มอีกครั้ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
“บริษัทไม่กังวลว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคปจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้น TSE เมื่อเข้าเทรด เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่ดี โดยมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ” นางแคทลีน กล่าว
ทั้งนี้ ภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ(COD)จำนวน 99 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 87 เมกกาวัตต์ ทำให้ในปี 58 จะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเต็มปี นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลงทุนโครงการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในปีหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมากในอนาคต
ด้านนายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSE กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทคาดว่าจะมีการล้างขาดทุนสะสมในงบเดี่ยวที่มีอยู่ราว 234 ล้านบาท โดยจะนำกำไรจากงบรวมไปดำเนินการ ซึ่งผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 57 ในงบรวมมีกำไรสุทธิราว 648 ล้านบาท และมีกำไรสะสม 473 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทอาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลงวดปี 58 ให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิในงบเดี่ยว
