เซ็ปเป้ ประกาศเพิ่มทุนบริษัท P.T.Sappe Indonesia เป็น 224 ล้านบาท รับแผนรุกขยายธุรกิจน้ำผลไม้พร้อมดื่มแดนอิเหนา ลุยทำภาพยนตร์โฆษณากระตุ้นการรับรู้ในผลิตภัณฑ์โมกุ โมกุ เจาะใจลูกค้า พร้อมเล็งเพิ่มความหลากหลายสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวอินโดนีเซีย
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประกาศเพิ่มทุนในบริษัทเซ็ปเป้ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบริษัทฯ ลูกที่ร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซีย จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 32 ล้านบาท เพิ่มเป็น 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 224 ล้านบาท โดยมีทุนชำระแล้ว 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 160 ล้านบาท ซึ่งเซ็ปเป้มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 51% และพันธมิตรท้องถิ่นถือหุ้น 49%
สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของยอดขายของบริษัท P.T.Sappe Indonesia ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากที่บริษัทฯ ได้รุกขยายธุรกิจเข้าไปทำตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ โมกุ โมกุ ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยครึ่งปีแรกของปี 57 น้ำผลไม้พร้อมดื่มแบรนด์โมกุ โมกุ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มียอดการเติบโตเกือบ 200% เมื่อเทียบกับยอดขายปี 56
ส่วนแนวทางทำตลาดในอินโดนีเซียนั้น บริษัทฯ มีการออกภาพยนตร์โฆษณาชุด Mogu Mogu Adventure in Venice ความยาว 30 วินาที เพื่อสร้างการรับรู้ตัวสินค้าผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้โมกุ โมกุ ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และตอกย้ำตำแหน่งสินค้าสู่พรีเมียมไลฟ์สไตล์ ซึ่งส่งผลดีต่อการสร้างภาพลักษณ์ของตัวสินค้าและผลักดันยอดขายให้มากขึ้น หลังจากในช่วงแรกที่เริ่มทำตลาด บริษัทฯ ได้เน้นการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านช่องทางขายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ จนปัจจุบันเรามีการกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ
“ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มในประเทศอินโดนีเซีย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง เราจึงเล็งเห็นโอกาสผลักดันยอดขายแบรนด์โมกุ โมกุ ให้มากขึ้น ด้วยการตอกย้ำแบรนด์สินค้าเป็นพรีเมียมไลฟ์สไตล์ไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้” นางสาวปิยจิต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเซ็ปเป้ในตลาดอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น โดยจะร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยเข้าไปทำตลาดรวมถึงการร่วมกับห้างค้าปลีกสมัยใหม่ พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวอินโดนีเซียโดยตรง ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า ด้วยโมเดลทางธุรกิจดังกล่าว จะช่วยผลักดันความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดเครื่องดื่มของเซ็ปเป้ในตลาดอินโดนีเซียได้มากยิ่งขึ้น