xs
xsm
sm
md
lg

“อีฟ” โหมตลาดเอเชียนดริงก์ ป้ั้น “น้ำมะขาม” ชน “ไอวี่-ดอยคำ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พงศกร พงษ์ศักดิ์” (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดริ้งค์โคโลจีสต์ จำกัด
ตลาดเอเชียนดริงก์หดตัวลง 10% เหตุการเมืองปั่นป่วน แต่อนาคตสดใส เติบโตต่อเนื่อง 20% “ดริ้งค์โคโลจีสต์” ปั้นแบรนด์ “อีฟ” รุกน้ำผลไม้ แตกไลน์สู่กลุ่ม “เอเชียนดริงก์” นำร่อง “น้ำมะขาม” ชน “ไอวี่-ดอยคำ” หวังดันรายได้รวมเติบโต 10% ทะลุพันล้านบาทในปีหน้า

นายพงศกร พงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดริ้งค์โคโลจีสต์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ “อีฟ” เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกปี 2557 ตลาดรวมเครื่องดื่มทุกประเภทหดตัวลงจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มในกลุ่มเอเชียนดริงก์ที่ตกลง 5-10% จากตลาดรวมเอเชียนดริงก์ประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตดีต่อเนื่องในช่วง 5 ปีหลังนี้เฉลี่ย 20% มากกว่าเครื่องดื่มในกลุ่มอี่นๆ ซึ่งเอเชียนดริงก์นี้ถือเป็นสัดส่วนประมาณ 10% จากมูลค่ารวมตลาดน้ำผลไม้ที่มีประมาณ 12,000 ล้านบาท

จากการเติบโตที่ดีดังกล่าว บริษัทฯ ได้เข้าสู่ตลาดเอเชียนดริงก์เป็นครั้งแรกด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มน้ำมะขาม “อีฟ โลคัลเซนเซชัน” ลงสู่ตลาดในเดือนก.ย.ศกนี้ วางราคาจำหน่าย 15 บาท ขนาดขวดเพ็ท 350 มิลลิลิตร เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20-40 ปี ใช้งบตลาด 60 ล้านบาท ทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอะโบฟเดอะไลน์ รวมทั้งเตรียมกระจายสินค้าไปสู่ช่องทางหลักทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรด อัตราส่วน 60% และ 40% คาดว่าภายในต้นปี 2558 จะทำอะโบฟเดอะไลน์และเพิ่มการกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศได้

บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายของ น้ำมะขาม “อีฟ” ว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10-20% จากตลาดรวมเอเชียนดริงก์ในเซกเมนต์น้ำมะขาม ซึ่งผู้นำตลาดเวลานี้คือ “ไอวี่” มากกว่า 80% รองมาคือ “ดอยคำ” แต่บริษัทฯ จะใช้แบรนด์ “อีฟ โลคัลเซนเซชัน” เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมทัพพอร์ตสินค้าปีนี้ และคาดว่าจะสร้างการเติบโตโดยรวมให้บริษัทฯ ประมาณ 30% ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจาก “อีฟ ฟรุตตามิน” 80% และ “อีฟ โลคัลเซนเซชัน” 20%

ปัจจุบันบริษัทฯ มีเครื่องดื่ม 2 กลุ่มใหญ่คือ น้ำผลไม้ “อีฟ ฟรุตตามิน” 4 รสชาติ วางตลาดเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา มียอดขายประมาณ 100 ล้านบาท และส่งออกไปต่างประเทศแล้ว 4 ประเทศคือ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ลาว และอินโดนีเซีย ในปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 20% และปีหน้าจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มไม่ต่ำกว่า 25 ประเทศ โดยจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 40% แบ่งเป็นในเอเชีย 50% ส่วนที่เหลือ 50% มาจากแอฟริกา ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยใน 3 ปีจากนี้สัดส่วนในประเทศและต่างประเทศจะเท่ากัน คาดรายได้รวมปีหน้าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาเครื่องดื่มใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 2-3 รายการในกลุ่มของ “อีฟ ฟรุตตามิน” กับ “อีฟ โลคัลเซนเซชัน” คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีหน้า

นายพงศกร กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการผลิตของบริษัทในกลุ่มอีกแห่งนั้น ตามแผนใช้งบ 5,000 ล้านบาทสร้างโรงงาน แบ่งเป็น 3 เฟสซึ่งเฟสที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟสที่สองด้วยงบ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2560 ส่งผลต่อกำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 96,000 ขวด/วัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายเอง 40% และผลิตในรูปแบบ OEM 60% (ผลิตเพื่อการส่งออกให้นักธุรกิจเครื่องดื่มกาแฟที่อินโดนีเซียและตะวันออกกลาง 40% และผลิตให้ธุรกิจลอจิสติกส์ 60%) โดยภายในระยะเวลา 3 ปี กำลังการผลิตจะปรับเปลี่ยนสัดส่วนผลิตในรูปแบบ OEM เป็น 50% และผลิตแบรนด์ของบริษัทฯ เอง 50%

อีกทั้งยังลงทุน 50 ล้านบาทสร้างคลังสินค้าเพื่อกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 แห่งคือที่ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต โดยปี 2558 จะขยายให้ได้ 12 แห่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น