ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดเทศกาลกินเจปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 3,700 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากคนกินเจเพิ่มขึ้น ความหลากหลายของเมนูอาหาร ตรึงราคาจำหน่าย
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าเทศกาลกินเจปี 2557 คนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ จะมีเม็ดเงินใช้จ่ายด้านอาหาร และเครื่องดื่มเจสะพัดกว่า 3,700 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 15.6 โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 240 บาทต่อคน (เป็นการคำนวณเม็ดเงินเฉพาะช่วงการกินเจระหว่างวันที่ 24 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม)
สำหรับปัจจัยหนุน ได้แก่ คนสนใจกินเจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่องดเว้นการฆ่าสัตว์และกระแสรักษาสุขภาพ การเพิ่มความหลากหลายของเมนูอาหารเจ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค การบริหารจัดการต้นทุน เพื่อตรึงราคาจำหน่าย และเทศกาลกินเจที่มี 2 ช่วง ผู้ประกอบการบางรายมีการเตรียมแผนการตลาดในการจัดจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่มทั้ง 2 ช่วง
อย่างไรก็ตาม คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารสำเร็จรูปจากร้านอาหารข้างทางแบบตักขายมากกว่าซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารเอง ขณะที่นอกเหนือจากอาหารมื้อหลักแล้ว อาหารว่างในช่วงเทศกาลกินเจที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุด ได้แก่ นมถั่วเหลือง และน้ำผัก/ผลไม้
ทั้งนี้ แม้ว่าแรงกดดันด้านค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นในปัจจุบันจะมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค แต่การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่มีความจำเป็น ซึ่งผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเป็นประจำอยู่แล้วในช่วงวันปกติ จึงมองว่าผู้บริโภคจะสามารถปรับตัวได้ และไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจมาก
ประกอบกับผลจากการทำกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ด้านราคา กลยุทธ์ด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ น่าจะมีส่วนอย่างมากในการสร้างบรรยากาศ และกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคให้คึกคักในเทศกาลกินเจปีนี้
สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้มี 2 ช่วง คือ ช่วงแรกระหว่างวันที่ 24 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม และตามปฏิทินจีนอีกช่วงหนึ่ง คือ ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าความนิยมการกินทั้ง 2 ช่วงนั้น น่าจะได้รับความนิยมเฉพาะในจังหวัดที่มีการจัดเทศกาลกินเจอย่างยิ่งใหญ่ เช่น ภูเก็ต นครสวรรค์ ส่วนบรรยากาศการกินเจในพื้นที่กรุงเทพฯ น่าจะได้รับความนิยมช่วงแรกมากกว่าช่วงที่ 2
