คุณมยุรี โชวิกรานต์, CISA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงให้น้ำหนักกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเกือบ 8,300 ล้านบาท ตลอด 6 วันทำการที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสิ้นสุดงาน Thailand Focus แต่อีกส่วนและน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย รวมถึง TIPs อย่างต่อเนื่อง และการเกิด Euro Carry Trade ผสมกับตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด
allowfullscreen>
ขณะที่การส่งออกของจีนกลับขยายตัวเด่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนภาพเศรษฐกิจในเอเชียผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในครึ่งแรกของปี 2557 ซึ่งสหรัฐฯ อาจเริ่มสูญเสียโมเมนตัมของเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ และหากพิจารณาจากยอดขายสุทธินับตั้งแต่ปี 2556 ต่อเนื่องถึงปัจจุบันของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมากถึง 211,000 ล้านบาท ย่อมเป็นตัวเลขที่น่าสนใจของการประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติในระลอกนี้ แม้ว่า ณ ปัจจุบัน Valuation ของตลาดหุ้นไทยเข้าสู่โซนแพงเมื่อเทียบกับอดีต แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังซื้อขาย PER14-15 ที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เช่นกัน
อย่างไรก็ดีกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ นักลงทุนควรติดตามการประชุม ครม.ภายใต้การนำของนายกฯ ประยุทธ์ ซึ่งจะประชุมเป็นนัดแรก โดยประเด็นหลักของวาระการประชุมอาจพิจารณาแผนงานด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนการลงทุนคมนาคมในร่างงบประมาณปี 2558 รวมถึงแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงการประชุมบอร์ดบีโอไอในวันนี้ คาดอนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 50,000 ล้านบาท และโครงการรถยนต์อีโคคาร์เฟส 2
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนบริษัทฯ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว เพื่อรอขายทำกำไรเมื่อดัชนี SET INDEX ปรับตัวที่ 1,600 จุด หรือสูงกว่า ซึ่งมีผลประกอบการดี และได้รับอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ และบริการ คือ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และหุ้นกลุ่มธนาคาร บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP)
%2F690123364373151&width&height=290&colorscheme=light&show_faces=true&header=true&stream=false&show_border=true"
scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; height:290px;" allowTransparency="true">